STECH ยันปิดแคมป์คนงานไร้กระทบ จ่อขาย'ไอพีโอ'203.5 ล้านหุ้น เทรดก.ค.นี้

STECH ยันปิดแคมป์คนงานไร้กระทบ จ่อขาย'ไอพีโอ'203.5 ล้านหุ้น เทรดก.ค.นี้

"สยามเทคนิคคอนกรีต" เตรียมขายไอพีโอ 203.5 ล้านหุ้น เทรดก.ค.นี้ ใช้ระดมทุนขยายโรงงานผลิตเสาคอนกรีตอัดแรง-เงินทุนหมุนเวียน ลั่นปิดแคมป์คนงานกระทบเล็กน้อย แม้รับรู้รายได้ช้าแต่มั่นใจยังทันในปีนี้ มั่นใจรายได้ปี 64โตไม่ต่ำกว่า 20-25%

นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECHเปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่ภาครัฐบาลสั่งปิดแคมป์คนงาน 30 วัน มองว่าได้รับผลกระทบเล็กน้อย สำหรับไซต์งานก่อสร้างในกรุงเทพและปริมาณฑล ซึ่งอาจทำให้บริษัทรับรู้รายได้ล่าช้า แต่มองว่ายังสามารถรับรู้ทันในปี 2564 นี้ นอกจากนี้บริษัทยังมีโรงงานกระจายทั่วทุกภูมิภาค(ยกเว้นภาคใต้) ซึ่งยังสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ

บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้จะเติบโตตามที่ตั้งเป้าหมาย มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20-25% จากปี 2563 ที่มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีสินค้ารอส่งมอบ(Backlog) จำนวนมากโดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 3.18 แสนลูกบากศ์เมตร/ปี จาก 9 โรงงาน

โดยคาดว่าหลังโรงงานที่ชลบุรี สาขา 2 ก่อสร้างเสร็จในไตรมาส 4 ปีนี้2 เริ่มเปิดดำเนินการผลิต จะส่งผลให้ปี 2565 กำลังการผลิตรวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็น 4.2 แสนคิวต่อปี และมีโรงงานรวม 10 แห่ง

นอกจากนี้ ยังมีกำลังการผลิตจากโรงงานที่มุกดาหารเข้ามาเพิ่มคาดแล้วเสร็จเริ่มผลิตได้ในปี 2567 หนุนโรงงานผลิตรวมเป็น 11 แห่ง ทั้งนี้อัตราการใช้กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 70% 

พร้อมกันนี้ บริษัทคาดจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดเข้ากลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ได้ภายในเดือนก.ค.นี้ 

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ – ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย  เปิดเผยว่า STECH จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน203,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาท คิดเป็น 28.07% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

ซึ่งเงินระดมทุนดังกล่าวจะใช้ 1.ขยายธุรกิจเสาคอนกรีตอัดแรงประมาณ 298 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่จังหวัดชลบุรี สาขา2 จำนวน 58 ล้านบาท ในปี 2564 , โครงการขยายกำลังการผลิตโรงงานดอนพุด 45 ล้านบาท ในปี 2565 , โครงการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่จังหวัดมุกดาหาร 80 ล้านบาท ในปี 2566 ,โครงการซื้อรถขนส่งผลิตภัณฑ์คอนกรีต 50 ล้านบาท ในปี 2564 , โครงการซื้อเครื่องกดกันสั่นสะเทือน 65 ล้านบาท ในปี 2564

2. พัฒนาวัตถดิบที่ใช้ในการผลิต 10 ล้านบาทในปี 2564 , 3.ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินจากสถาบัน 250-300 ล้านบาท ในปี 2564 , และ4. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในส่วนที่เหลือ 

  

นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า STECH มีประสิทธิภาพในการรับงาน ด้วยจุดเด่นจากโรงงานที่กระจายอยู่ในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่กระจุกตัว เป็นผลดีในการเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนค่าขนส่งในระดับต่ำ สะท้อนมาที่ความสามารถในการทำกำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง มองว่า STECH จะเป็นหุ้นคุณภาพที่เติบโตไปพร้อมกับงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน  STECH เปิดเผยว่า STECH มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นหุ้นเติบโตดี (Growth Stock) ได้ภายหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และจะเป็นหุ้นที่ให้เงินปันผลที่ดี เนื่องจากความต้องการสินค้ายังสูง ตามแนวทางประเทศไทยที่ทำโครงสร้างพื้นฐานในภาคต่างๆ

ซึ่ง STECH มีคู่ค้าที่เป็นผู้รับเหมาเจ้าใหญ่ มีโอกาสได้รับงานเยอะจากภาครัฐบาล อีกทั้งบริษัทฯ มีสาขาโรงงานกระจายตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะมีโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้น จากประเด็นนี้ส่งผลให้โรงงานใกล้แหล่งก่อสร้างทำให้บริษัทประหยัดต้นทุนการขนส่ง การดำเนินงานเร็ว โอกาสทำกำไรสูง จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นหุ้นที่ดี ทั้งนี้นโยบายการจ่ายเงินปันผลบริษัทไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ