กรมวิทย์ฯ รับ โควิด 'เบต้า' (แอฟริกาใต้) ถึง กทม. แล้ว ยัน ยังคุมได้ แม้กระจาย 4 จังหวัด

กรมวิทย์ฯ รับ โควิด 'เบต้า' (แอฟริกาใต้) ถึง กทม. แล้ว ยัน ยังคุมได้ แม้กระจาย 4 จังหวัด

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยโควิดสายพันธ์ "เบต้า" ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และเริ่มพบการระบาดในไทย ยืนยันยังควบคุมได้ แม้กระจายแล้วใน 4 จังหวัด

เกี่ยวกับ โควิด -19 สายพันธุ์เบต้า ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และมีการพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวในกรุงเทพมหานครแล้วนั้น ล่าสุด วันที่ 28 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุยืนยันว่า มีการพบผู้ติดเชื้อ สายพันธุ์เบต้า(แอฟฟริกาใต้) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 รายจริง โดยได้มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันผล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) จากการสอบสวนโรค พบ ติดเชื้อจากลูกชายซึ่งเดินทางกลับมาจากนราธิวาส มาเยี่ยมครอบครัวที่ กรุงเทพ โดยลูกชายขณะที่เดินทางมา กรุงเทพ ไม่มีอาการป่วย ก่อนจะเดินทางกลับไปทำงานที่นราธิวาสและมีการตรวจพบติดเชื้อ ทางครอบครัวที่กรุงเทพจึงมีการเข้าตรวจหาเชื้อ จึงพบว่า พ่อ และญาติ2 คน ติดเชื้อ โดยพ่อตรวจพบเป็นสายพันธุ์เบต้า ส่วนญาติอีก 2 รายยังรอการตรวจสอบสายพันธุอยู่ ทั้งนี้ได้ติดตามผู้สัมพัสกับกลุ่มนี่ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม

ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ภาพรวมทั้งประเทศ ตั้งแต่เดือน เมษายน พบการระบาดของสายพันธุ์อัลฟ่า(อังกฤษ) ร้อยละ 86.31 สายพันธุ์เดลต้า(อินเดีย) ร้อยละ 12.30 และสายพันธุ์เบต้า(แอฟริกาใต้) ร้อยละ 1.39 ซึ่งในช่วง 21-27 มิถุนายน พบว่า สายพันธุ์เบต้า ในจังหวัดนราธิวาส 87 ราย จังหวัดยะลา 1ราย สุราษฎร์ธานี 1 ราย และ กทม1 ราย ซึ่งทั้งหมดยังเชื่อมโยงกับพื้นที่ภาคใต้

ส่วนสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) มีผู้ติดเชื้อเพิ่มในหลายจังหวัด พื้นที่ซึ่งพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือกรุงเทพมหานคร 331 ราย และในภาคอื่นๆ เช่น อุดรธานี 23 ราย สกลนคร 22 ราย นครสวรรค์ 11 ราย และนราธิวาส 2 ราย ซึ่งเชื่อมโยงกับแคมป์คนงานในกรุงเทพมหานคร

สำหรับภาพรวม การระบาดสายพันธุ์เบต้า(แอฟริกาใต้) ถือว่าอัตราการแพร่ระบาดต่ำยังอยู่ในวงจำกัด ส่วนการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า(อินเดีย) ตามสถานการณ์ขณะนี้ในอีกสองถึงสามเดือนจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อแทนที่สายพันธุ์อัลฟ่า(อังกฤษ) เพราะมีอัตราการแพร่ระบาดสูงกว่า 1.7 เท่า

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนชิโนแวคในประเทศไทย พบว่าสามารถป้องกันสายพันธุ์อังกฤษ โดยมีการวัดผลของผู้ติดเชื้อ โดยพบว่า ที่ "ภูเก็ต" ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ2เข็มเป็นเวลา 14 วัน สามารป้องกันโรคได้ร้อยละ 90.7 สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ที่เชียงรายสามารถควบคุมโรคได้ร้อยละ 82.8

ขณะที่กรมควบคุมโรคระบุ การฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2เข็ม สามารถป้องกันโรคได้ร้อยละ 70.9 โดยเมื่อฉีดเข็มเดียวสามารถป้องกันโรคได้ร้อยละ 39.4  ส่วนกรณีการฉีดวัคซีนเข็มสามนั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าวัคซีน 2 เข็มสามารถป้องกันโควิด-19 ได้