ศปม.จัดกำลังกว่า 10,000 นาย คุม 575 แคมป์แรงงาน ครอบคลุม 50 เขต กทม.

ศปม.จัดกำลังกว่า 10,000 นาย คุม 575 แคมป์แรงงาน ครอบคลุม 50 เขต กทม.

ศปม. เร่งหาวัคซีนโควิด ฉีดให้กำลังพลออกไปปฎิบัติหน้าที่คุมแคมป์แรงงานโดยเร็วที่สุด โดยระหว่างนี้ กำลังพล จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคเคร่งครัด

 27 มิถุนายน 2564 ตามที่ พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชาชนและแรงงานในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง การควบคุมแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น ตามที่ พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชาชนและแรงงานในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง การควบคุมแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น 

ล่าสุด พลตรี ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) ได้สั่งการให้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงตำรวจ, กองบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเหล่าทัพ จัดกำลังพล ร่วมสนธิและวางกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเจ้าหน้าที่ รวมจำนวน 10,000 นายเศษ เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในพื้นที่ 50 เขต ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 575 แคมป์งานก่อสร้าง 

สำหรับกำลังพลที่เข้าปฏิบัติหน้าที่แต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้น จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้โดยเร็ว โดยระหว่างนี้ กำลังพลทุกนายจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากากอนามัยขณะปฎิบัติภารกิจตลอดเวลา การสวมใส่เฟสชิลด์ และพกสเปรย์แอลกอฮอล์ รวมทั้งการรักษาสุขอนามัยในขณะปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ กำลังพลจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโรค และกักตนเองแยกจากครอบครัวเป็นเวลา 14 วัน

ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย ขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนาย ซึ่งเป็นผู้มีความทุ่มเท เสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยมิเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แม้จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า แต่ยังคงมีความมุ่งมั่น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะเพื่อเป็นป้อมปราการหลักที่สำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พร้อมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในการปฏิบัติตนตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด และร่วมส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มขีดความสามารถเพื่อดูแลประชาชนในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ต่อไป