แผนลงทุนประเทศแสนล้าน แรงเคลื่อนเศรษฐกิจ พลิกตำราโลจิสติกส์

แผนลงทุนประเทศแสนล้าน  แรงเคลื่อนเศรษฐกิจ พลิกตำราโลจิสติกส์

ปี2564 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 2.5 – 3.5% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกย่างไรก็ดี การกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ภาครัฐถือเป็นส่วนสำคัญต้องร่วมกับเอกชนเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในปีงบประมาณ 2564 ได้รับงบจัดสรร 1.8 แสนล้านบาท และในปี 2565 ได้รับ 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้งบประมาณปี 2564 กระทรวงฯ เร่งเบิกจ่ายไปแล้ว 50% หรือราว 9 หมื่นกว่าล้านบาท และในปี 2565 ตามงบประมาณที่จัดสรรลดลง แต่ไม่ต้องวิตกเพราะนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบาย ว่า แม้จะมีภาวะโควิด-19 ต้องดูการลงทุนภาครัฐจากแหล่งงบประมาณอื่นๆ

สำหรับแหล่งเงินทุนอื่นนั้น กระทรวงฯ ได้พิจารณาพบว่าวิธีการที่จะได้รับการลงทุน เช่น การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการรัฐ 

(พีพีพี) การระดมทุนจากกองทุนฟิวเจอร์ฟันด์ และแหล่งเงินกู้จากสำนักงานบริหารหนี้ ซึ่งวิธีการจัดหาแหล่งเงินทุนเหล่าทั้ง 3 แหล่งนี้ จะมาเติมเต็มงบประมาณที่ลดลงในปี 2565 ทำให้เกิดการลงทุนจากโครงการภาครัฐมากกว่างบประมาณที่ได้รับจัดสรร 1.1 แสนล้านบาท

"ไทยมีจุดยุทธศาสตร์ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางอาเซียน เป้าหมายของกระทรวงฯ จึงต้องการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานทุกโหมด ให้สนับสนุนการเป็นศูนย์กลางการเดินทางของอาเซียน "

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้ทำการศึกษาพบว่า เทคโนโลยีพัฒนาไปมาก การเดินทางไม่จำเป็นต้องทำคลอง เพราะการทำคลองใช้เงินลงทุนมหาศาล ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงฯ จึงได้มีการศึกษาสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านแลนด์บริดจ์ โดยแต่ละฝั่งทะเลจะมีท่าเรือน้ำลึก และเชื่อมต่อผ่าน MR – Map หรือการเชื่อมต่อด้วยโครงข่ายทางถนนมอเตอร์เวย์ และรถไฟ เลือกใช้เส้นทางที่มีระยะสั้นสุด เพื่อผลักดันให้อนาคตจะเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ของูมิภาคอาเซียน จากเดิมที่ต้องใช้ช่องแคบมะละกา สำหรับการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ปัจจุบันคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบศึกษาโครงการแล้ว ปีหน้าจะได้เห็นภาพรวมของแลนด์บริดจ์ว่าจะเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ต้องพิจารณาด้วยว่า แผนพัฒนาแลนด์บริดจ์ที่สร้างจะเป็นตัวสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะเสร็จในปี 2568 ในการเดินทางทะลุไปมหาสมุทรอินเดีย เชื่อมการขนส่งสินค้า และการค้าระหว่างอีอีซีไปทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

162460540378

ศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจากแลนด์บริดจ์ ได้เกิดแนวคิดในการพัฒนาทางเลือกการเดินทาง MR-Map บูรณาการรถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ให้เป็นเส้นทางบูรณาการร่วมกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษา

สำหรับโครงการที่จะสนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน โครงข่ายทางบก ลำดับความสำคัญที่สุด คือ 1.การพัฒนาเส้นทางแลนด์บริดจ์ ซึ่งขณะนี้ทูตและนักลงทุนหลายประเทศเข้ามาสอบถามเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่ามีคนสนใจมาก กระทรวงฯ ย้ำเสมอว่าในที่สุดการลงทุนเหล่านี้ ก็จะเป็นการเปิดพีพีพี เปิดในรูปแบบการลงทุนนานาชาติ

2.โครงข่ายมอเตอร์เวย์ เส้นทางนครราชสีมา – อุบลราชธานี 3. หนองคาย- แหลมฉบัง และ 4. วงแหวนรอบ 3 กรุงเทพมหานคร ทั้งหมดนี้คาดว่าในปี 2565 จะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนของเส้นทางเหล่านี้ และประเมินงบประมาณการลงทุน โดยกระทรวงฯ เน้นย้ำยึดหลักดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมาย

อีกทั้งการพัฒนาระบบราง เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ โจทย์สำคัญขณะนี้มี 3 เรื่อง คือ 1.รถไฟจะต้องเป็นรางคู่ มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นทุกปี โดยตามแผนทั่วประเทศต้องเป็นรถไฟรางคู่ เพื่อสนับสนุนเอาโลจิสติกส์ไปขนส่งทางราง 30% นอกจากนี้ การลงทุนของ ร.ฟ.ท.เนื่องจากปัจจุบันสถานะทางการเงินมีปัญหา กระทรวงฯ จึงจัดตั้งบริหารสินทรัพย์ ร.ฟ.ท. ซึ่งเชื่อว่าการบริหารสินทรัพย์ต่อจากนี้จะมีประสิทธิภาพ นำเม็ดเงินเข้าองค์กรอย่างต่อเนื่อง และอีก 10 ปี ร.ฟ.ท.จะไม่มีหนี้

2.การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้า ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี 14 เส้นทางที่เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตามแผนทุกเส้นทางจะแล้วเสร็จในปี 2570 ทำให้ทั่วกรุงเทพฯ มีระยะทาง 554 กิโลเมตร ตอบโจทย์การเดินทาง เชื่อมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง สนับสนุนการเดินทางรอบกรุงเทพฯ จากเส้นทางที่เป็นวงกลม และกำลังจะมีสายสีแดง และเราจะขยายรถไฟรางเบาในต่างจังหวัดด้วย

ส่วนที่ 3 ปัจจุบันระบบรางยังมีการพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) 2 เส้นทาง คือ รถไฟไทย - จีน และรถไฟเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ดังนั้น จะเห็นได้ว่าระบบรางจะกลายเป็นโลจิสติกส์สำคัญของประเทศในอนาคต