'ศักดิ์สยาม' แจงงบคมนาคมปี 65 เข็นลงทุนนอกงบประมาณกว่า 2.5 แสนล้าน

'ศักดิ์สยาม' แจงงบคมนาคมปี 65 เข็นลงทุนนอกงบประมาณกว่า 2.5 แสนล้าน

“ศักดิ์สยาม” แจงแผนลงทุนงบประมาณประจำปี 2565 ยันไม่ได้เทงบสร้างถนนอย่างเดียว ชี้เปิดกว้างการลงทุนนอกงบประมาณกว่า 2.5  แสนล้านบาท โชว์มาสเตอร์แผน MR-MAP สร้างระบบขนส่งคู่ขนาน เพิ่มทางเลือกการเดินทาง ยันประมูลทางคู่โปร่งใส ยึดกระบวนการอีบิดดิ้ง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2565 โดยระบุว่า กรณีการอภิปรายถึงงบประมาณของกระทรวงคมนาคมที่ส่วนใหญ่เอาไปสร้างถนนนั้น กระทรวงฯ ขอชี้แจงถึงงบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 2565 มี 2 ส่วน 1.เป็นงบประมาณปกติ มีจำนวน 2.2 แสนล้านบาท และ 2.เป็นเงินนอกงบประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายนายกรัฐมนตรีว่าถ้าจะใช้งบประมาณอย่างเดียว คงจะผลักดันแผนไม่เป็นไปตามที่หวังไว้

ดังนั้นการผลักดันโครงการโดยจัดใช้เงินนอกงบประมาณจะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ โดยแบ่งออกเป็น การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) เงินกู้กระทรวงคลัง และงบกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ซึ่งเมื่อนำมาพิจารณาทั้งหมด จะเห็นว่า 4 มิติของกระทรวงฯ ทั้งน้ำ ราง บก และอากาศ เงินงบประมาณที่ใช้ลงทุนมากสุด คือ ระบบราง 2.4 แสนล้านบาท เป็นงบผูกพันไปอีก 3-4 ปี ส่วนที่ 2 เป็นระบบทางบก 1.6 แสนล้านบาท อากาศ 5.3 พันล้านบาท และน้ำ 829 ล้านบาท

162264436348

สำหรับกรณีการอภิปรายถึงการตั้งงบประมาณโครงการขนาดใหญ่มีความซ้ำซ้อน เช่น กรุงเทพฯ - นครราชสีมา(โคราช) ที่มีทั้งโครงการมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง และเป็นการสร้างหัวเมืองไม่ใช่ระหว่างเมือง ขอชี้แจงว่าการสร้างความซ้ำซ้อนมีเหตุผล อย่างถนนมิตรภาพมีจำนวนรถใช้ 7 หมื่นคันต่อวัน เทศกาลรถใช้มากกว่า 1.1 แสนคันต่อวัน สิ่งที่เห็นคือถนนไม่พอกับรถ ทำให้เกิดการจราจรติดขัด

นอกจากนั้นมีปัญหาอุบัติเหตุ เรื่องนี้เป็นความจำเป็นที่เราต้องก่อสร้างระบบประเภทอื่น เช่น มอเตอร์เวย์เพื่อแยกการเดินทางของรถบรรทุกขนาดใหญ่ออกจากรถเล็ก เพื่อกันอุบัติเหตุ และการสนับสนุนนครราชสีมา เพราะเป็นเกตเวย์ของภาคอีสานมีประชากรจำนวนมาก และยังเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กรุงเทพฯ - โคราช เป็นการสร้างเมืองไปในอนาคต

“ปัจจุบันเราสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน - โคราช รถไฟทางคู่ และรถไฟวามเร็วสูง เมื่อสร้างเสร็จก็จะสนับสนุนการเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายการขนส่ง”

อีกทั้งนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้กระทรวงฯ พิจารณาการพัฒนาโครงการผ่าน 5 เรื่อง คือ 1.ตัดถนนแนวตรงเพื่อสัญจรสะดวก หลีกจากทางเดิม ไม่ผ่านเข้าชุมชน 2.ลดปัญหาเวนคืน 3.กระจายการพัฒนาพื้นที่ใหม่ 4.สร้างชุมชนใหม่ และ 5.แยกการจราจรในเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้กระทรวงฯ รับโจทย์มาปฏิบัติ จัดทำมาสเตอร์แพลน MR-MAP บูรณาการก่อสร้างระหว่างรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง และมอเตอร์เวย์ ให้สร้างในแนวเดียวกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาใช้งบมอเตอร์เวย์ กรมทางหลวง (ทล.)

สำหรับมาสเตอร์แพลน MR – MAP ประกอบไปด้วย 3 เส้นทางสำคัญเชื่อมเหนือ - ใต้ คือ 1.เชียงราย – สงขลา เชื่อมเขตเศรษฐกิจเหนือใต้และเพื่อนบ้าน 2.หนองคาย – แหลมฉบัง เชื่อมอีอีซี และ 3.บึงกาฬ - สุรินทร์ เชื่อมกับฝั่งลาว ส่วนแนวเชื่อมตะวันออก -ตะวันตก มี 6 เส้นทาง คือ  1.เส้นทางตาก - นครพนม 2.กาญจนบุรี - อุบลราชธานี 3.กาญจนบุรี - สระแก้ว 4.กาญจนบุรี - ตราด 5.ชุมพร - ระนอง และ 6.ภูเก็ต - สุราษฎร์ธานี

ขณะนี้โครงการนำร่องพิจารณาลำดับความสำคัญ โดยจะทำการศึกษาความเหมาะสมใน 3 เส้นทางก่อน คือ 1. เส้นทางชุมพร - ระนอง เพราะมีความสำคัญเชื่อมเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ 2.เส้นทางอีอีซีเชื่อมแลนด์บริดจ์ และ 3. เส้นทางอีอีซีเชื่อมนครราชสีมา เพื่อกระจายสินค้าอีอีซีเข้าภาคอีสานและประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับเป็นด้านเศรษฐกิจเกิดการสร้างเมืองใหม่ เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งสินค้าลดต้นทุน อีกทั้งจะลดปัญหาการเวนคืนที่ดิน การแยกชุมชนหลายครั้ง รวมไปถึงลดการลงทุนของภาครัฐเหลลือแต่เฉพาะค่าเวนคืนที่ดิน เพราะจะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนลักษณะพีพีพีทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อลดภาระให้กับประเทศ

162264445121

ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ยังอยู่ระหว่างผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์จะเชื่อมโยงการค้าไทย เอเชีย และโลก อาจไม่แล้วเสร็จในช่วงของผม แต่เป็นการเตรียมงานให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อยกขีดความสามารถประเทศในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาที่ตั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน คาดว่าภายใน 1 ปีจะได้ผลการศึกษาเพื่อจัดมาร์เกตซาวดิ้ง

ส่วนประเด็นกรมทางหลวง ทางหลวงชนบท และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รับผิดชอบโครงข่ายถนนได้มั่วมาก ต้องชี้แจงว่าปัจจุบันโครงข่ายถนน 7 แสนกิโลเมตร ทล.รับผิดชอบ 5.2 หมื่นกิโลเมตร ส่วน ทช. 4.8 หมื่นกิโลเมตร และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แสนกิโลเมตร มีการแบ่งกันชัดเจน

ขณะที่ประเด็นทุกจังหวัดไม่ต้องมีสนามบิน ต้องชี้แจงว่าปัจจุบันไทยมีสนามบินของรัฐ 35 แห่ง 29 แห่งอยู่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เป็นสนามบินภายในประเทศ 6 แห่ง เป็นสนามบินอินเตอร์ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยการบริหารทั้งหมดในปี 2565 กระทรวงฯ มุ่งเน้นการลงทุนพัฒนาภูมิภาค ให้บริการประชาชน เป็นงบลงทุนต่อเนื่องไม่ได้เป็นการก่อสร้างใหม่ เช่น สนามบินกระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง บุรีรัมย์ แลละขอนแก่น

“วันนี้นโยบายเราผลักดัน MR-MAP และเส้นทางที่ศึกษามีสนามบินที่สนับสนุนการขนส่ง คือ เชียงราย อุบล นครพนม อู่ตะเภา หาดใหญ่ เรากำลังศึกษามกดาหาร บึงกาฬ และหนองคาย เพื่อให้การขนส่งทุกระบบครบและสนับสนุน”

นายศักดิ์สยาม ยังเผยถึง กรณีการประมูลรถไฟทางคู่สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ที่มีการกล่าวถึงการประกวดราคาไม่โปร่งใส โดยระบุว่า เรื่องนี้เราใช้ระบบอีบิดดิ้ง การรถไฟแห่งประเทศ (ร.ฟ.ท.) ได้ประกวดราคาเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ วงเงิน 7 หมื่นล้านบาท ยึดหลักตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ตามระบบอีบิดดิ้ง มีความโปร่งใสมากที่สุด ซึ่งคนดำเนินการ คือ กรมบัญชีกลาง และ ร.ฟ.ท.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการทีโออาร์ ทำตามระเบียบกรมบัญชีกลาง 2560 และมีการจัดตั้งคณะกรรมการคุณธรรม รวมทั้งจัดทำรับฟังความคิดเห็น พร้อมกำหนดเปิดกว้างผู้ประกอบการทั่วไปเข้าเสนอราคาและเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในลักษณะกิจการร่วมค้า แต่ต้องซื้อเอกสารทุกราย

ดังนั้นประเด็นที่การยื่นราคาน้อยกว่าราคากลาง มากหรือน้อยต้องเรียนว่า โครงการนี้ ครม.ได้อนุมัติตั้งแต่ 31 พ.ค.2561 และเป็นการศึกษาตั้งแต่ 2555 ร.ฟ.ท.ได้ให้ที่ปรึกษาทำรายละเอียดราคากลางใหม่ ปรับปรุงให้สอดคล้องสภาพปัจจุบัน ใช้ฐาน ต.ค. 2563 หลังทำราคากลางต้นทุนปรับสูงขึ้น เช่น ราคาเหล็กปรับสูงขึ้น 30% ราคากลางเรายังยึดตามที่พิจารณาไว้ แต่เรื่องนี้เมื่อมีข้อสงสัยกระทรวงฯ ก็ได้จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจต่อสาธารณชน นักวิชาการ สื่อมวลชนอย่างละเอียดถึงการดำเนินงานแล้ว

162264446293