ผบ.ตร.ชี้ คดีฆาตกรรมน้องชมพู่ นี่แค่เริ่มต้น

ผบ.ตร.ชี้ คดีฆาตกรรมน้องชมพู่ นี่แค่เริ่มต้น

ผบ.ตร. ชี้ ตำรวจแจ้ง "ลุงพล" ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตรกรรมน้องชมพู่ ยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์ เหตุที่ล่าช้า เพราะต้องมองหา ศาสตร์ใหม่ๆ ฝากสังคมถอดบทเรียนคดีเกาะเต่า การไต่สวนโลกโซเชียล ขอให้เสพข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ คดีนี้ยังต้องสู้กันอีกหลายศาล

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 63 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 63 ว่า

"เราทำตามพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้แล้ว ไปขอหมายก็ต้องดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนพยานหลักฐานมีการพูดถึงกันเยอะมาก แต่ไม่สามารถออกมาพูดรายละเอียดได้ ยืนยันถ้าไม่มีพยานหลักฐาน ตำรวจไม่สามารถขอหมายจับได้ เราจะตั้งข้อหาใครต้องมีพยานหลักฐานเท่านั้น"

ศาลจังหวัดมุกดาหารได้ออกหมายจับ ที่ จ 53 /2564 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 64 จำนวน 3 ข้อหา ประกอบด้วย

พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย, และกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

อย่างไรก็ตาม ตำรวจมีหน้าที่ของเรา เมื่อเจอผู้ต้องหาก็จับ ทั้งนี้ ได้รับทราบจากชุดสืบสวนว่า เป็นการจับกุมตัว ส่วนเรื่องการประกันตัวเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนพิจารณา ให้ติดตามดู ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะมีใครมาขอยื่นประกันตัวหรือไม่ และอยู่ที่ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะพิจารณาอย่างไร คงไปตอบก่อนไม่ได้

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนได้แสดงหมายจับ อ่านข้อหา และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหารับทราบ หลังจากนี้จะต้องส่งตัวไปลงบันทึกการจับกุมตัวที่สน.ปทุมวัน ก่อนจะนำตัวขึ้นเครื่องบินเพื่อส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคือ สภ.กกตูม พนักงานสอบบสวนก็ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งมีเวลาควบคุมตัวไว้ที่ตำรวจ 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นหากจำเป็นต้องสอบสวนต่อ ก็ต้องนำตัวไปฝากขังที่ศาล

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่ว่าจะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจาก 3 ข้อหานี้หรือไม่ หากพบพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม พลตำรวจเอก สุวัฒน์ กล่าวว่า หากยังไม่หมดเวลาก็มีเวลาทำ ก็จะทำไปเรื่อยๆ แต่เมื่อมีการจับกุมแล้วก็จะมีเวลาในการจะต้องทำให้เสร็จในเวลาเท่าไร ทั้งนี้ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน หากคนอื่นจะคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขา เจ้าหน้าที่ทำไปตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตามใจใคร ณ วันนี้ยืนยันว่าออกหมายจับได้ 1 คน หากมีมากกว่านี้ก็ต้องทำอยู่แล้ว เพราะตำรวจทำงานมาตลอดไม่ได้ทิ้งไปไหน

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หลังหมายจับออกแล้ว และเป็นที่ทราบกันว่า นายไชย์พล ถูกออกหมายจับ มีการพานายไชย์พล เข้ามาที่กรุงเทพฯ จะเป็นการหลบหนีหมายจับหรือไม่ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า จะต้องดูพฤติการณ์และเจตนาต่างๆ ประกอบ และต้องรับฟังพยานหลักฐานอื่นด้วย คงตอบตรงนี้ไม่ได้

ผบ.ตร.ยังตอบประเด็นการเตรียมเข้าไปสอบปากคำด้วยตัวเอง โดยระบุว่า คงไม่ เพราะมั่นใจในทีมสืบสวน เพราะเป็นคดีฆาตกรรม รายละเอียดหลายอย่างที่ไม่ควรจะออกมาสู่สาธารณะก็ออกมาเยอะมาก มีทั้งผิดและถูกมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว คดีนี้เหมือนคดีอื่นๆ ที่ทำมาในชีวิตบางเรื่องหลายปีแล้วยังปิดไม่ได้ก็มี ก็มีได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำได้ก็ดีใจ

แต่ว่าถ้าเทียบกับการแข่งขันฟุตบอล อันนี้พึ่งเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ที่แข่งมาก่อนหน้านี้รอบคัดเลือก บางทีมก็เก่งมากพอรอบสุดท้ายตกรอบก็มี บางทีสภาพไม่ดี แต่พอถึงรอบสุดท้ายอาจจะได้แชมป์ก็ได้ ทั้งนี้ต้องสู้กันอีกหลายศาลก็ต้องว่ากันไป ตราบใดที่ยังไม่ถูกตัดสินผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ต้องถือเป็นผู้บริสุทธิ์

ต่อข้อถามถึงแม่ของน้องชมพู่ ติดตามการแถลงในครั้งนี้อยู่ตลอด อยากจะฝากอะไรถึงครอบครัวน้องชมพู่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า “ฝากว่าทีมตำรวจเราเคยรับปากไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด เราก็ทำตามสัญญาแต่ว่ามันยังไม่จบ เราก็จะทำต่อไป”

ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับคดีนี้มีการใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เราใช้ทุกอย่างที่เรามีในการทำงาน เรามองไปนอกองค์กรว่ามีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรบ้างที่นำมาใช้ได้บ้าง แต่ตนไม่ขอเปิดเผยเพราะเกรงจะกระทบกระเทือนการทำหน้าที่ ขอฝากสังคมเป็นบทเรียนว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม มีความซับซ้อนหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่แตกต่างจากคดีอื่น คือการไต่สวนบนโลกโซเชียลฯ ซึ่งเคยเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ในคดีเกาะเต่า แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว

ตนไม่อยากจะเชื่อว่า มีประชาชนหลายคนติดตามคดีนี้จนเสพติดชนิดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เกิดอาการแบบนั้น อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันในเรื่องโซเชียลฯ ไม่เพียงพอ แล้วสังคมเราก็เกิดปรากฏการประหลาดๆ หากเทียบเคียงกับในต่างประเทศก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มีการไต่สวนตั้งข้อหาแตกประเด็น ลากยาวไปถึงเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นบทเรียนกับตัวตนเองด้วยว่ามันไปได้ถึงขนาดนี้ ก็ฝากว่าเสพเรื่องพวกนี้ให้ใช้วิจารณญาณ บางคนบอกตนว่าให้หยุดตามคดีนี้ซัก 2 อาทิตย์แล้วสุขภาพจิตท่านก็จะดีขึ้น

“คดีนี้เราใช้นิติวิทยาศาสตร์ประกอบกับวิชาการ ไม่มีศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งเพียงอย่างเดียวที่จะพิสูจน์ความผิดได้ บางคนถามว่า ทำไมมันนาน มันช้า ตนก็บอกว่ามันก็มีศาสตร์ใหม่ๆ ที่เราเอามาใช้ในเรื่องนี้ ซึ่งการเอามาประยุกต์กับการสืบสวน ก็ต้องสามารถอธิบายหลักความคิดทางวิชาการของศาสตร์นั้นๆ ว่า ตัดสินแบบนี้ คิดแบบนี้ บนพื้นฐานของหลักวิชาการเรื่องอะไร เราก็ต้องไปหานักวิชาการมารองรับทฤษฎีหรือแนวความคิดแบบนี้

เหมือนเราบอกว่าจะคำนวณความเร็วของรถ มีสูตรในการคำนวณ พนักงานสอบสวนต้องไปหาว่าคุณเอาสูตรนี้มากจากไหน มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เราจะหาธาตุต่างๆ ที่อยู่ในเส้นผม ก็ต้องบอกได้ว่าไปเอาวิชานี้มากจากไหน โลกนี้มีใครยอมรับบ้าง ความถูกต้องมีกี่เปอร์เซ็นต์ ทฤษฎีโต้แย้งมีหรือไม่ เรารวบรวมทุกอย่างทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ วัตถุพยาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม หลักวิชาการต่างๆ ทั้งวิทยาศาสตร์ทั่วไป หลักพฤติกรรมศาสตร์ แม้กระทั่งไสยศาสตร์และความเชื่อต่างๆ รวบรวมเอามาวิเคราะห์ทั้งหมด” ผบ.ตร.กล่าว

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่มีการออกหมายจับนายไชย์พล ในช่วงนี้ เพื่อต้องการกลบกระแสข่าวศึกอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่โยงเรื่องนี้ ว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน