พ่อแม่ 'น้องชมพู่' เปิดใจล่าสุด หลังเฝ้าดูตร.บุกบ้าน 'ลุงพล' ตามหมายจับ แต่หนีล่องหน

อัพเดทข่าวร้อน! พ่อแม่ "น้องชมพู่" เปิดใจล่าสุด หลังเฝ้าดูตร.บุกบ้าน "ลุงพล" ล่าตัวตามหมายจับ แต่หนีล่องหน

เกาะติดดัง "ฆ่าอำพรางศพน้องชมพู่" ความคืบหน้าเช้านี้ 2 มิ.ย. 2564 ตำรวจกองปราบ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เพื่อจับกุมตัว นายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร แต่ไม่พบตัวจึงถูกคาดการณ์ว่าหลบหนีลอยนวล

ข่าวเกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ได้เดินทางมาที่บริเวณหน้าบ้านลุงพล เพื่อติดตามการจับตัวของตำรวจด้วย

แม่น้องชมพู่ เปิดใจว่า  คนๆนี้ควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่ มากกว่าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก แต่ในเมื่อผู้ร้ายเป็นคนรู้จักหรือญาติ ตนคิดว่าเขาควรจะมีความเมตตาต่อเด็ก ทั้งที่เขาเป็นคนในครอบครัว ส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2563 น้องชมพู่ยังไม่เสียชีวิต ซึ่งวินาทีนั้น น้องคงร้องไห้ อ้อนวอน ทุกวิถีทาง เพื่ออยากจะกลับบ้านมาหาพ่อแม่

"ทำไมคนที่เป็นญาติ ทำไมไม่พาน้องมาเจอพ่อแม่ คุณไม่มีจิตสำนึกต่อเด็ก สาเหตุที่ในอดีตตนเคยออกมาให้สัมภาษาณ์ว่าสงสัยลุงพล เนื่องจากตนได้พยายามอะไรหลาย ๆ อย่างแต่ลุงพลไม่ยอมฟัง และการให้ข่าวกับสื่อของลุงพล มีลักษณะพูดกลับไปกลับมา อย่างเช่นลุงพลเคยบอกว่า ลุงพลมาเติมลมรถที่บ้านแล้วน้องชมพู่ร้องตามลุงพล ถ้าเอาน้องไปด้วยคงไม่ตาย สิ่งนี้คือครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์ จากนั้นก็ออกมาแก้ข่าว ว่าจำวันผิด"

แม่น้องชมพูย้ำ ตำรวจก็ไม่ได้สอบสวนแค่ลุงพลคนเดียว ตำรวจสอบสวนคนทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งตนเองและนายอนามัยด้วย ตนอยากฝากถึงสังคม ในฐานะที่ตนเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าลูกตัวเองว่า ตนเลือกที่จะนิ่ง และปลง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนตอนนั้น และยอมรับว่าชดใช้กรรมที่ถูกสังคมด่า

"ลุงพล เขาต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำกับน้องชมพู่ ตนอยากบอกกับชมพู่ว่า ลูกได้รับความยุติธรรมแล้วนะ และพ่อกับแม่ทำให้สังคมรู้ว่า เราไม่ทำร้ายลูก เราไม่ฆ่าลูก ลูกที่ตนรอคอยให้เกิดในท้อง อยากให้สังคมมองครอบครัวตนใหม่ด้วย

"วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน และรู้สึกว่าได้รับพรวิเศษ เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ ที่ตำรวจมอบความยุติธรรมให้ครอบครัวเรา ถ้าผู้ต้องงหาให้การปฏิเสธ ตอนนี้ยังไม่มีความรู้เรื่องกฏหมายต้องปรึกษาผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ก่อน

ฉันเชื่อว่าต้องมีคนอยากให้ความช่วยเหลือครอบครัวฉันบ้าง เคยบอกผู้ต้องหาก่อนหน้านี้แล้วว่า ใครที่ทำอะไรไว้ ก็ให้มอบตัว โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา แต่ตอนนี้คุณไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ยอมรับว่ากังวล ที่ผู้ต้องหาเขามีทนายความส่วนตัวเป็นทนายฝีมือดี แต่ก็เชื่อว่าหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมไว้ จะเอาสามารถเอาผิดคนร้ายได้ ชมพู่เป็นเด็กที่บริสุทธิ์ อยากให้ลูกไปสู่สวรรค์ ส่วนเรื่องการหาทนายส่วนตัว จะต้องปรึกษากับตำรวจและครอบครัวอีกครั้ง" นางสาวิตรี กล่าว

ก่อนหน้านี้  นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และ นายอนามัยวงษ์ศรีขา พ่อแม่ของ 'น้องชมพู่' ได้เปิดเผยความรู้สึกหลังรู้ข่าวว่าศาลจังหวัดมุกดาหารได้ออกหมายจับ 'ลุงพล' ผู้ต้องหาในคดี          

นางสาวิตรี เปิดเผยว่า ขอถามไปยัง 'ลุงพล' ว่าทำทำไม ทำกับเด็กทำไม มีอะไรที่จะเเฉ แม่กับพ่อ ผิดอะไร ทำไมถึงต้องทำกับลูกเราขนาดนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมา ไม่เคยขัดเเย้งกัน ช่วยเหลือกันมาตลอด หนักนิดเบาหน่อยเเม่ไม่เคยบ่น 

  "เเต่เเม่ไม่รู้ความในใจของเขา คิดยังไงบ้าง เเต่เท่าที่เเม่รู้คือแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อครอบครัวของพี่สาว ก็เลยไม่รู้จะบอกตำรวจว่าอย่างไร ที่จะไปสงสัยใคร" นางสาวิตรี กล่าว 

     นางสาวิตรี ยังบอกอีกว่า คดีนี้ขอให้เป็นคดีตัวอย่างต่อสังคม ก่อนที่คุณจะไปตัดสินใคร ก่อนที่จะไปคอมเมนต์ใคร ในบ้านที่เขาสูญเสีย ไม่ต้องการคำด่า ไม่ต้องการการซ้ำเติม ขอให้คดีน้องชมพู่เป็นคดีสุดท้ายก่อนที่จะมีกลุ่มคนจำนวนม่าก ประนามบ้านผู้สูญเสียอย่างเรา  

     "คนที่ทำให้น้องเสียชีวิติ คนที่ทำให้น้องไม่เจอกับพ่อ กับเเม่ในวันนั้น วันนี้ เขาถูกออกกมายจับเล้ว เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่ เขาทำให้น้องไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่อีกเลย เขาต้องเจ็บปวดกว่าเราเป็น100 เท่า 1000เท่า" นางสาวิตรี บอกไปถึงน้องชมพู่  

162259778537

     นางสาวิตรี บอกอีกว่า ที่ผ่านมา สิ่งที่เจ็บปวด คือ ข้อความต่างที่โดนประนาม ประโยคซ้ำ ที่อ่านในโซเชียล ถ้าเป็นฉัน ฉันจะทำอย่างนั้น ถ้าเป็นฉันฉันจะขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะ ข้อความซ้ำ ๆ มาถึงวันนี้อยากถามกลับว่า คุณยังอยากเป็นฉันอยู่ไหม ที่ต้องเจ็บปวด เเละ สูญเสีย

  ขณะที่ นายอนามัย อยากจะถามนายไชยพล หรือ ลุงพล ว่า ทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร ถ้าโกรธเคืองเเม่กับพ่อ ก็น่าจะมาคุยไม่น่ามาลงกับเด็ก เด็กที่ไม่รู้ประสีประสา เขาก็มีลูกเหมือนกัน 

     นางสาวีตรี ยังขอบคุณ พล.ต.อ.สุสัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่หาตัวคนร้ายมาให้เรา ถือว่าโชคดีมาก ๆ ตลอดเวลาทีท่านลงมาทำคดีนี้ ก็เชื่อว่า ชุดสืบชุดนี้ทำได้ และก็ทำได้จริง ๆ ถึงแม้จะใช้เวลาหนึ่งปี ก็ต้องขอบคุณจริง ขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติที่มาช่วยกันตามหาน้องจนค่ำมืดและตามหาทุกวัน