'รมช.กลาโหม' ย้ำ 'กองทัพ' ต้องมีงบซื้ออาวุธ ระบุจัดหาของใหม่ แค่ '1 ใน 3'

'รมช.กลาโหม' ย้ำ 'กองทัพ' ต้องมีงบซื้ออาวุธ ระบุจัดหาของใหม่ แค่ '1 ใน 3'

'พล.อ.ชัยชาญ' แจง สภาฯ ถึงความจำเป็น จัดงบฯ ซื้ออาวุธใหม่ เหตุมีพื้นที่ต้องปกป้อง ระบุจัดซื้อใหม่แค่ 1 ใน 3

       เมื่อเวลา 19.00 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ระหว่างการพิจารณาในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วาระแรก ว่า การจัดสรรงบให้กับกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2565 ถูกปรับลดบง โดย ปี 2563 ได้รับงบประมาณ 2.3 แสนล้านบาท ส่งคืน 18,022 ล้านบาท เพื่อแก้ไขโควิด-19 และบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น , ปี 2564 ได้รับงบประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ถือว่าลดลง 1.7 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 2563 และ ปี 2565  เสนองบประมาณ 2.03 แสนล้านบาท ลดลง 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่ได้รับนั้นลดลงทุกรายการ   
       “งบประมาณพัฒนากองทัพ ส่วนยุทโธปกรณ์ กองทัพมีหน้าที่เตรียมกำลังให้พร้อมสำหรับสถานการณ์​อาจมองว่าไม่มีสถานการณ์เกิดขึ้น หรือไปรบกับใคร ในส่วนของกองทัพต้องประเมินสถานการณ์ตลอด เพราะประเทศไทยตั้งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ  มีอาณาเขตทางทะเลมีพื้นที่ 3.2แสนตารางกิโลเมตร  ดังนั้นผลประโยชน์ทางทะเลที่มีปีละ 24 ล้านล้านบาท ต้องรักษาไว้ ทั้งนี้มีบางพื้นที่อ้างสิทธิทับกัน ขณะที่สถานการณ์ทะเลจีนใต้ ยังพบความขัดแย้ง  ดังนั้นประเทศไทยและกองทัพต้องเตรียมปกป้องผลประโยชน์ชาติ โดยเตรียมกำลังไว้ให้พร้อมส่วนหนึ่ง หากจะจัดยุทโธปกรณ์ใหม่ จะจัดหาไว้เท่าที่จำเป้น เพื่อให้กองทัพสามารถรับภารกิจได้ หากจะจัดไว้ จะมีไม่เกิน 1 ใน 3 เพื่อให้ต่อเนื่อง ทุกกองทัพเข้าใจภาวะงบประมาณของประเทศ ทำเพื่อเตรียมพร้อม และปรับปรุง ซ่อมแซม สำหรับงบประมาณที่เสนอขอ หากผ่านในชั้นกรรมาธิการ ทุกกองทัพให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่มากที่สุด” พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง
  
162246355887
           รมช.กลาโหม ชี้แจงด้วยว่า กระทรวงกลาโหมเข้าใจสถานการณ์วิกฤตของไวรัสโควิด-19 ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับให้ทุกหน่วยงานใช้ศักยภาพและทรัพยากร กำลังพล เครื่องมือทางการแพทย์ โรงพยาบาลเพื่อดูแล รวมถึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กทม.   เช่น   ตั้งสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐ และ สถานที่กักกันโรคทางเลือก เป็นกลไกป้องกันการแพร่ระบาด ที่ผ่านมาสามารถคัดกรอง ได้มากกว่า 2,300 คน และะมีผู้เข้าพัก 2.84 แสนคน เป็นต้น.