ผู้ส่งออกเฮ..พาณิชย์เว้นอากรเอดีเหล็กเมทัลชีท 6้เดือน

ผู้ส่งออกเฮ..พาณิชย์เว้นอากรเอดีเหล็กเมทัลชีท 6้เดือน

“จุรินทร์” ไฟเขียวยกเว้นการเก็บอากรเอดีสินค้าเหล็กเมทัลชีท ที่ส่งออกมาจากจีนและเกาหลีเป็นระยะเวลา 6 เดือน หลังราคาเหล็กพุ่ง ช่วยลดผลกระทบต้นทุนให้กับผู้ส่งออก

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีมติให้ใช้อำนาจตามมาตรา 7 ภายใต้พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ.2562 เพื่อประโยชน์สาธารณะ ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อนแล้วทาสี หรือเหล็กเมทัลชีท ที่นำเข้าจากจีนและเกาหลี เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ราคาเหล็ก มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาวัตถุดิบตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และปริมาณเหล็กในตลาดโลกลดลง จากการที่จีนจำกัดการส่งออกและลดกำลังการผลิตลง ทำให้สินค้าเหล็กเข้าสู่ตลาดลดลง และยังมีความต้องการใช้เหล็กจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หากยังคงเรียกเก็บอากรเอดี ก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนเหล็กเมทัลชีทมีราคาสูงขึ้น จึงขอให้ชะลอการเก็บอากรออกไปก่อน และจะเก็บภาษีที่ 0%  

    162158858082       

ก่อนหน้านี้ ทตอ. ได้มีมติให้เรียกเก็บอากรเอดี สินค้าเหล็กเมทัลชีทจากจีนในอัตรา 40.77% ของราคา ซีไอเอฟ จากทุกบริษัทที่ส่งออกมายังไทย และเรียกเก็บในอัตรา 4.27% และ 7% กับ 2 บริษัทที่ส่งออกมาจากเกาหลี เพราะได้ตอบแบบสอบถาม ส่วนบริษัทอื่นๆ ให้เรียกเก็บในอัตรา 33.62%

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้กรมฯ ติดตามสถานการณ์การนำเข้าอย่างใกล้ชิด และให้หารือกับผู้ผลิตในประเทศ ผู้นำเข้า และผู้ใช้ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ หลังจากที่พ้นระยะเวลา 6 เดือนไปแล้ว โดยมีทางออก 2 ทาง คือ เมื่อพ้นระยะเวลา 6 เดือน ให้กลับมาเรียกเก็บอากรเอดีในอัตราเดิมทันที หรือถ้าสถานการณ์ยังไม่ปกติ ก็ให้ยืดระยะเวลาการยกเว้นการเรียกเก็บอากรเอดีออกไปอีก

          

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ในการประชุม ทตอ. เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา ยังได้มีมติช่วยเหลือผู้นำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่นำเข้าจากจีน ที่เดิมกำหนดให้ต้องวางหลักประกันอากรระหว่างการไต่สวน ตั้งแต่ส.ค.2563 ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เงินจม โดยปัจจุบัน ผู้นำเข้าทั้งรายใหญ่และรายกลางรายเล็ก (SMEs) มีเงินหลักประกันที่ถูกเรียกเก็บระหว่างไต่สวนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเห็นว่า สามารถยกเลิกได้ จึงมอบให้กรมการค้าต่างประเทศแจ้งกรมศุลกากรเพื่อคืนเงินอากรดังกล่าวให้กับผู้นำเข้า เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง

ส่วนเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม้เป็นม้วน จาก 14 ประเทศ ที่เก็บภาษีมาแล้ว 15 ปี ตั้งแต่ปี 2546 ได้มีมติให้เก็บอากรเอดีต่ออีก 5 ปี แต่ให้ยกเว้น 7 ประเทศ ที่ไม่เคยส่งออกมาไทยนานแล้ว และให้ติดตามผลก่อนที่จะประเมินการใช้มาตรการอีกครั้ง และยังได้มอบหมายให้หาข้อมูลว่าหลังจากที่ช่วยเหลือผู้ผลิตเหล็กในประเทศแล้ว มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาจนกระทบผู้บริโภค ผู้ใช้ในประเทศหรือไม่ เพราะพบว่าปัจจุบัน ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนผู้ใช้เพิ่มขึ้น