บิทคอยน์ดิ่ง40% แค่ปรับฐานชั่วคราว

บิทคอยน์ดิ่ง40% แค่ปรับฐานชั่วคราว

บิทคอยน์ร่วงหนัก 40% ในรอบเดือนกว่าหลังกระแสข่าวลบรุมเร้า สตางค์ คอร์ปอเรชั่น ชี้มีโอกาสปรับลงไปทดสอบแนวรับ 32,000 ดอลลาร์ได้ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ แต่เป็นการปรับฐานลงชั่วคราว เพื่อขึ้นมาทดสอบจุดสูงสุดใหม่ที่ 6 หมื่นดอลลาร์ จากดอลลาร์อ่อนค่าหนุน

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. เวลา 19.00 น. ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงต่ำสุดระดับ 34,000 ดอลลาร์ หรือลดลง 41.37% ในรอบเดือนกว่า จากระดับสูงสุดใหม่เมื่อวันที 1 มี.ค. ที่ระดับ 58,000 ดอลลาร์  

สำหรับในวันนี้  20 พ.ค. เวลา 07.50 น. ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงต่ำสุดระดับ 34,000 ดอลลาร์อีกครั้ง และระหว่างวันเริ่มปรับขึ้นต่อเนื่องราว 12.82%  ณ เวลา 13.00 น. อยู่ที่ระดับ 39,000 ดอลลาร์  ขณะที่จุดสูงสุดอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์ 

นายปรมินทร์ อินโสม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  สตางต์ คอร์ปอเรชั่น  เปิดเผยว่า ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงรอบนี้หลุดแนวรับ 38,000 ดอลลาร์ ครั้งแรกคาดว่าจะเห็นการแกว่งตัวลงในช่วง 2 สัปดาห์นี้ มีโอกาสที่จะปรับลงไปทดสอบแนวรับ 32,000ดอลลาร์อีกรอบได้ แต่หากหลุดแนวรับนี้แนวรับครั้งใหม่มองไว้ที่ 16,000 ดอลลาร์ ซึ่งไม่น่าจะมีโอกาสลงไปถึงระดับดังกล่าว

เพราะเรามองว่าการปรับลงของราคาบิทคอยน์รอบนี้ เป็นการปรับฐานชั่วคราว หลังจากพยายามขึ้นไปทดสอบ 60.000 ดอลลาร์มาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ การปรับฐานลงมารอบนี้ เพื่อเป็นการขึ้นไปทดสอบใหม่อีกครั้ง 

ดังนั้น เมื่อมีปัจจัยภายนอกที่เป็นกระแสข่าวอย่าง อิลอนมัสก์ ส่งสัญญาณขายบิทคอยน์ ต่อมาด้วยรัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้สถาบันการเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต  ทำให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงได้เป็นภาวะปกติชั่วคราว ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ทิศทางค่าเงินดอลลลาร์อ่อนค่ายังคงอยู่ไม่เปลี่ยน  ทำให้สินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงคริปโตเคอเรนซี จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้าอยู่แล้ว มีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ระดับสูงสุด60,000 ดอลลาร์ 


"หากค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า เราเชื่อว่าสถานการณ์ที่ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงหนักเป็นการปรับฐานชั่วคราว และหากเป็นผู้ลงทุนในตลาดคริปโตฯ มานานแล้ส จะมองสถานการณ์นี้เป็นภาวะปกติ เพราะตลาดนี้มีความผันผวนแรง
มาก ระหว่างวันมีโอกาสที่ราคาบิทคอยน์จะปรับตัวลง 30-50% หรือมากกว่านี้เป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผู้ลงทุนหน้าใหม่ อาจไม่คุ้นเคยกับความเสี่ยง ดังนั้นยังต้องใช้เงินลงทุนที่เป็นเงินเย็นเท่านั้น น่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้"