SVI - ถือ (13 พ.ค.64)

SVI - ถือ (13 พ.ค.64)

ผลประกอบการ 1Q64: กำไรดีเกินคาด

Event

กำไรสุทธิของ SVI ใน 1Q64 อยู่ที่ 148 ล้านบาท (-35% YoY แต่ +45% QoQ) ดีกว่าประมาณการของเรา 65% และดีกว่า Bloomberg consensus 56% แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 27 ล้านบาท กำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q64 จะอยู่ที่ 121 ล้านบาท (+81% YoY และ +12%QoQ) ดีกว่าประมาณการของเรา 35% เนื่องจากยอดขายในสกุลดอลลาร์ฯ สูงกว่าที่คาดไว้ 8% ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q64 คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

Impact

ยอดขายถูกกดดันจากปัญหาขาดแคลน chip

ยอดขายของ SVI ใน 1Q64 อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (+8% YoY, -6% QoQ) แต่หากไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายใน 1Q64 จะอยู่ที่ 115 ล้านดอลลาร์ฯ (+11% YoY, -4% QoQ) สูงกว่าประมาณการ 1Q64 ของเรา 8% และคิดเป็น 21% ของประมาณการยอดขายปีนี้ของเรา ถึงแม้ว่าอุปสงค์จะแข็งแกร่งในทุกกลุ่มสินค้า (networking, ยานยนตร์ และอุตสาหกรรม) แต่ยอดขายที่ลดลง QoQ เป็นเพราะปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ

อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 8.1%

อัตรากำไรขั้นต้นของ SVI ใน 1Q64 อยู่ที่ 8.1% (-0.9ppts YoY, ทรงตัว QoQ) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ โดยปัจจัยที่กดดันอัตราขั้นต้นให้ลดลง YoY คือเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็น 30.20 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 1Q64 จาก 31.20 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 1Q63 นอกจากนี้ ค่าใช้จ่าย SG&A ยังลดลงเหลือ 153 ล้านบาท (-19%YoY, -12% QoQ) ทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลดลงเหลือ 4.4% (จาก 5.9% ใน 1Q63 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว อย่างเช่น ค่า software และผลประโยชน์พนักงาน)

คงประมาณการกำไรปี 2564-65 เอาไว้เท่าเดิม

ถึงแม้ว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q64 จะดีกว่าที่เราคาดไว้ถึง 35% แต่เรายังคงประมาณการกำไรปี 2564-65 เอาไว้เท่าเดิม โดยใช้สมมติฐานยอดขายที่ 548 ล้านดอลลาร์ฯ (+12% YoY) และใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8.3% เนื่องจากทั้งยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นยังมีแนวโน้มจะเป็นไปตามคาด

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 5.0 บาท อิงจาก PER ที่ 17.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ Hana Microelectronic (HANA.BK/HANA TB) +1.0 S.D.) ทั้งนี้ ต้องจับตาแนวทางการบริหารจัดการปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ SVI ในการที่จะรองรับอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65 ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ฯ) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบสินค้า