‘กิมเอ็ง’ชี้รายย่อยเทรดสนั่น ดันธุรกิจโบรกเกอร์โต

‘กิมเอ็ง’ชี้รายย่อยเทรดสนั่น  ดันธุรกิจโบรกเกอร์โต

“เมย์แบงก์กิมเอ็ง” ชี้ธุรกิจหลักทรัพย์ไตรมาส 2 เทียบปีก่อน ฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นได้ เหตุรายย่อยเทรดเพิ่มขึ้น ยันเงินลงทุนแกร่งพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจซิงเกิ้ลสต๊อกฟิวเจอร์บล็อกเทรดและดีดับบลิวในปีนี้ มองดัชนีย่อตัวเข้าสะสมรับการฟื้นตัวสิ้นปีนี้1,600จุด

นายอารภัฏ สังขรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ไตรมาส 2 ปี 2564 มีแนวโน้มชะลอตัวลงหากเทียบบไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิดระลอก 3 เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. แต่หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าไตรมาส 2 ปี 2563 อาจมีการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น เพราะฐานต่ำในปีก่อนจากการแพร่ระบาดโควิดรอบแรกและปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ยังมีสัญญาณที่ดี        

ดังนั้น ในส่วนของบริษัทยังเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2นี้น่าจะยังดีต่อเนื่องจากไตรมาส1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ277บาท เพิ่มขึ้น105%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 135ล้านบาท และมีรายได้รวม 948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 751 ล้านบาท   เนื่องมาจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล เพิ่มขึ้นจาก25,293.81ล้านบาทต่อวัน เป็น45,882.65ล้านบาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 81.40% ถือว่า สูงสุดในรอบ 10ปี  ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบเดียวกันปีก่อน 

ส่วนลูกหนี้บัญชีมาร์จินโลน เพิ่มขึ้น เป็น 13,178 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 10,992 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) 15-16% ของอุตสาหกรรมโดยรวม รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ทั้งวิธีการคัดเลือกลูกค้า การกำหนดวงเงิน และเลือกหุ้น ไม่มีหนี้เสีย

ทางด้านเงินลงทุนเกือบทั้งหมดเป็นไปเพื่อการป้องกันความเสี่ยงซิงเกิ้ลสต็อกฟิวเจอร์บล็อกเทรดและดีดับบลิวที่มีธุรกรรมการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ตามแผน โดยไตรมาส 1 ปีนี้มียอดคงเหลือของเงินลงทุน ราว 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากในปีก่อนที่ 2,750 ล้านบาท 

ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นจากเดิม80% เป็น85%ของรายได้ค่านายหน้ารวม และเป็นการซื้อขาเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน(มาร์เก็ตติ้ง)และไม่ใช่อินเทอร์เน็ต อยู่ที่50:50 ซึ่งอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

         

นายวิจิตร  อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง  กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้ เชื่อว่าตลาดปรับฐานระยะสั้นยังเป็นโอกาสในการเข้าไปสะสมและตั้งรับการฟื้นตัวของตลาดระยะกลางถึงยาว หากเริ่มมีการทยอยฉัดวัคซีนภายในประเทศช่วงครึ่งหลังปีนี้ และเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะของการฟื้นตัวในช่วง2ปีข้างหน้า จะเป็นปัจจัยหนุนการตลาดในระยะกลางถึงยาว แม้ระยะสั้นยังมีปัจจัยกดดัน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่  โดยทั้งปีนี้ยังมองดัชนีที่ 1,600 จุด  

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ จัดพอร์ตแบบผสมผสาน (ทั้งหุ้นเติบโตตามเทรนด์โลกและหุ้นคุณค่าในเศรษฐกิจดั่งเดิม เช่น ธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี 2.ลงทุนตามธีมที่จังหวะเหมาะสม (ทั้งธีมวัคซีน,เปิดประเทศ,อีวี,กัญชง ยังมีโมเมนต์ที่ดีในช่วงครึ่งปีหลังและกลางถึงยาว) และ 3. คัดสรรหุ้นเด่นตามฤดูกาล จับสัญญาณเล่นรอบ