ลุ้นธปท.เคาะสินเชื่อ ‘เช่าซื้อ’ เข้ามหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้พ.ค.นี้

     นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่านอกจาก การขยายระยะเวลาของ โครงการ“มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล” ออกไปเป็น 30มิ.ย. 2564 นี้ จากเดิมที่ครบกำหนดโครงการ 14เม.ย.ที่ผ่านมา

      ธปท.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการ ขยายโครงการมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ให้ครอบคลุมไปถึงสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มเติมด้วย ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการเร่งคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสมาคมเช่าซื้อ สถาบันการเงิน ต่างๆเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้เพิ่มเติม เนื่องจากธปท.มอง การขยายโครงการให้ครอบคลุมสินเชื่อได้มากขึ้น จะสามารถช่วยลูกหนี้และแก้หนี้ครัวเรือนในระบบให้ลดลงได้ในอนาคต

     ดังนั้นคาดว่า ภายในต้นพ.ค.นี้ หรือราวกลางเดือน จะมีข้อสรุปในการดึงสินเชื่อเช่าซื้อ เข้าโครงการมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ได้ ก่อนจะกำหนดเริ่มโครงการในระยะถัดไป

    “เป้าหมายของเรา ช่วยแก้ปัญหาหนี้ให้กับลูกหนี้ และแก้หนี้ครัวเรือนในระบบ เพราะหากดูจากข้อมูลการฟ้องร้องที่เข้าสู่กระบวนการของศาล1ใน5คือสินเชื่อเช่าซื้อ ดังนั้นเราพยายามจะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านั้น และคาดหวังเห็นคดีและหนี้ในระบบลดลงในอนาคต”

    สำหรับโครงการมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ที่ผ่านมา จนถึง12เม.ย.พบว่า มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้ว 234,906 คน หรือ 481,936 บัญชี

      นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานกรรมการ สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า ล่าสุดสมาคมเช่าซื้อได้อยู่ระหว่างหารือธปท.ถึงเงื่อนไขต่างๆที่จะดึงสินเชื่อเช่าซื้อเข้าร่วมแก้หนี้ในมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้

    ทั้งภาพรวมการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านโครงการ และกลุ่มลูกหนี้ที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในพ.ค.นี้

     “ขณะนี้เรายังต้องมีการหารือธปท.เพิ่ม เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสรุปในเร็วๆนี้ หลังจากนั้น จะสามารถสรุปได้ว่าใครบ้าง ที่จะเข้าโครงการ เพราะแต่ละสถาบันการเงิน นอนแบงก์ มีเกณฑ์การช่วยเหลือลูกหนี้ไม่เหมือนกัน ทั้งลูกหนี้ที่ยังไม่เป็นหนี้เสียและลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียแล้ว”

     นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร กลยุทธ์ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับ การนำสินเชื่อเช่าซื้อเข้ามหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ว่าธนาคารจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้อย่างไรบ้าง

    แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้ไม่มีมาตรการดังกล่าว ธนาคารก็มีการเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ตามมาตรการต่างๆอยู่แล้ว โดยเฉพาะจากผลกระทบโควิด-19 ทั้งยืดหนี้ ลดภาระหนี้ต่างๆ

     “มองว่าการเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมนั้น ต้องให้น้ำหนัก คือการบาลานซ์ในการช่วยเหลือลูกหนี้ภายใต้การคำนึงถึงทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดของธนาคารด้วย ว่ากลุ่มไหนควรได้รับการช่วยเหลือ กลุ่มไหนได้รับผลกระทบจริงๆ ไม่งั้นหากช่วยทุกกลุ่ม แบงก์ก็อาจไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการเข้าไปดูแลลูกหนี้ในภาพรวมที่เป็นวงกว้างได้”