‘ไวรัสลาม’โลกโซเชียล แฮชแท็ก‘ไล่-เซฟ’อนุทิน

 ‘ไวรัสลาม’โลกโซเชียล แฮชแท็ก‘ไล่-เซฟ’อนุทิน

สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 3 ยังไม่มีทีท่าจะทุเลาเบาบางลง นำมาซึ่งเสียงสะท้อนผ่านไปยังผู้มีอำนาจรัฐถึงมาตรการในการรับมือ ลามเป็นไวรัสบนโลกโซเชียล

สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 รอบนี้ ซึ่งถือเป็นรอบ 3 เวลานี้ยังไม่มีทีท่าจะทุเลาเบาบางลง ในทางกลับกันตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมถึงผู้เสียชีวิตรายวันกลับยังมีตัวเลขสูงขึ้นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา 

สิ่งที่เกิดขึ้นมีการพูดถึงกลุ่มคนระดับ"วีไอพี"เพียงไม่กี่คน ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดจนขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ เวลานี้หลายพื้นที่โดยเฉพาะเมื่อเมืองหลวงอย่าง กทม.วิกฤติ ถึงขั้นเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ซ้ำบางรายถึงขั้นที่เรียกได้ว่า “นอนรอความตาย”อยู่ที่บ้าน

ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ “ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข” ยังมีการประเมินอีกว่า จากการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นขณะนี้ เตียงผู้ป่วยหนักจะสามารถรองรับได้เพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น

นั่นหมายความว่า หาก 2 สัปดาห์สถานการณ์ไม่ดีขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือปัญหาวิกฤติเตียงผู้ป่วยที่จะเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน 

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีเสียงจากประชาชนสะท้อนผ่านไปยังผู้มีอำนาจรัฐ ถึงมาตรการในการรับมือการแพร่ระบาด รวมถึงการฉีดวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

โดยเฉพาะ "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะเจ้ากระทรวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง กลายเป็นตัวละครสำคัญที่ถูกพูดถึงจากบรรดา “กองเชียร์-ก่องแช่ง” อย่างหนัก เมื่อมีรัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคถูกโยงเข้าไปเป็นตัวละครสำคัญใน "คลัสเตอร์ทองหล่อ" ต้นตอของการแพร่ระบาดระลอกนี้

และแม้ว่า รัฐมนตรีที่ถูกพูดถึงคือ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม จะออกมายืนยันเสียงแข็งว่า ไม่เคยไปคลับดังย่านทองหล่อตามที่เป็นข่าว แต่ดูเหมือนว่าข้อสงสัยต่างๆ ยังไม่มีที่ท่าที่จะหมดสิ้นไปโดยง่าย 

โดยเฉพาะคำพูดของ “รมต.โอ๋” ที่บอกให้ประชาชน “ยกการ์ดสูง” ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพราะแม้แต่ “ผมเองที่ยกการ์ดสูงมากยังติดเชื้อโควิด-19ได้” กลับยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปรากฎการณ์ไล่ล่าหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพถ่ายที่มีการระบุถึงช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมคำถามถึงไทม์ไลน์บางช่วงบางตอนที่อาจหายไปหรือไม่