โควิดระลอก 3 ดุเกิน! ‘ท่องเที่ยวฯ’ จำใจหั่นเป้ารายได้เที่ยวไทยปี 64 เหลือ 8.5 แสนล้านบาท

โควิดระลอก 3 ดุเกิน! ‘ท่องเที่ยวฯ’ จำใจหั่นเป้ารายได้เที่ยวไทยปี 64 เหลือ 8.5 แสนล้านบาท

โควิด-19 ระลอก 3 ระบาดดุเกิน! กระทรวงท่องเที่ยวฯจำใจหั่นเป้ารายได้รวมท่องเที่ยวปี 64 เหลือ 8.5 แสนล้านบาท ลดจากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 1.2 ล้านล้านบาท

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทั้งหมด 8 หน่วยงานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯจำเป็นต้องปรับลดเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2564 อีกครั้ง โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมเหลือเพียง 8.5 แสนล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 1.2 ล้านล้านบาท หลังภาคท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกที่ 2 เมื่อช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และระลอกที่ 3 ในเดือน เม.ย.นี้

สำหรับการปรับลดเป้าหมายในครั้งนี้ แบ่งออกเป็นตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ เดิมตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยตลอดปีนี้ไว้ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง ปรับลดลงเหลือ 120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดิมปีนี้ตั้งเป้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 6.5 ล้านคน ปรับลดเหลือ 4 ล้านคน สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจปรับเป้าหมายใหม่ได้อีกครั้ง

161920178933

“โรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 มีการระบาดรุนแรงขึ้น ต้องมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเกินวันละ 1,500 คนมาหลายวัน ล่าสุดวานนี้ (23 เม.ย.) ติดเชื้อทะลุ 2,000 คนแล้ว การประชุมในครั้งนี้จึงได้หารือถึงการปรับลดเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้ เนื่องจากกระแสการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงไตรมาสที่ 2 อาจลดลงไปมาก แต่ก็เชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะกลับมาดีขึ้น”

ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯยังคงยืนยันเดินหน้าแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วให้เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้แบบไม่กักตัวในพื้นที่นำร่อง ผ่านโครงการแซนด์บ็อกซ์ โดยพื้นที่นำร่องแห่งแรกคือภูเก็ต จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 ทำให้ช่วงนี้ต้องพยายามจัดหาและกระจายวัคซีนฉีดแก่คนภูเก็ตให้ครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในจังหวัดภูเก็ต ล่าสุดทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมเรื่องนี้แล้ว ขณะที่ไตรมาส 4 ปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป จะขยายพื้นที่นำร่องทำแซนด์บ็อกซ์ไปในอีก 5 พื้นที่ ได้แก่ กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ รวมภูเก็ตเป็น 6 พื้นที่นำร่อง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า การปรับลดเป้าหมายรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอก 2 ต่อเนื่องมายังระลอก 3 จากเดิมที่หวังว่าพอถึงช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ภาคท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัว แต่กลับเกิดการระบาดซ้ำขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเดิม 6.5 ล้านคน ลดลงมาเหลือ 3-4 ล้านคน แต่รายได้ลดลงเพียง 5 หมื่นล้านบาท หรือจาก 3.5 แสนล้านบาท เหลือ 3 แสนล้านบาท เพราะตั้งเป้าว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะดึงเข้ามานั้น เป็นกลุ่มคุณภาพ มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงกว่าปกติที่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป อยู่ที่ทริปละ 6 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท

ด้านโครงการภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์ จะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ตามกำหนดเดิม แต่หากมีปัญหาเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนให้คนในพื้นที่ได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อาจจะปรับเป็นเปิดพื้นที่ในบางอำเภอก่อนจากที่มี 3 อำเภอ รวมทั้งได้หารือถึงการเตรียมขยายพื้นที่นำร่องรวมถึงกรุงเทพฯ เพชรบุรี และหัวหินด้วย

“นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดเป้าเหลือ 3-4 ล้านคน จะดึงเข้ามาในไตรมาส 3 นี้ จากเดิม 100,000 คน ให้เพิ่มขึ้นเป็น 129,000 คน ส่วนที่เหลืออีกกว่า 3 ล้านคนจะดึงเข้ามาในไตรมาส 4 นี้ให้ได้” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว