รีบเลย!! 2 วันสุดท้าย ก่อนปิด ‘มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้’

เหลือ2 วันสุกท้ายก่อนปิด โครงการ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ธปท. ถึง14 เม.ย.นี้เท่านั้น ล่าสุดยอดเข้าโครงการพุ่ง 234,906 คน หรือ 481,936 รายการ
ที่ผ่านมา โครงการนี้ ได้รับความนิยม และได้รับการตอบรับจากลูกหนี้ค่อนข้างมาก
ล่าสุด มียอดลงทะเบียน เข้าโครงการ ถึงวันที่ 12 เม.ย. 64 จำนวน 234,906 คน หรือ 481,936 รายการ
ปัญหาในอดีต. ที่ผ่านมาแม้จะมีความพยายามผลักดันให้มีการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะไม่ใช่การไกล่เกลี่ยที่แท้จริงที่ตอบโจทย์และช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน
ส่วนหนึ่งเพราะข้อเสนอแผนปรับหนี้ส่วนใหญ่ในชั้นไกล่เกลี่ยมักจะมาจากเจ้าหนี้ ซึ่งก็เป็นปกติธรรมดาที่แผนหรือข้อเสนอรับชำระหนี้จะมุ่งตอบโจทย์เจ้าหนี้ แต่อาจจะไม่ได้คำนึงถึงว่าลูกหนี้จะสามารถทำตามแผนได้หรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าลูกหนี้จำนวนไม่น้อยไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ตามข้อตกลงจนสิ้นสุดสัญญา
ดังนั้น การไกล่เกลี่ยรูปแบบใหม่ ธปท.ได้เข้าไปช่วยดูข้อตกลงที่จะใช้เป็นแนวทางกลางในการไกล่เกลี่ยคดีผู้บริโภค ที่มีข้อเสนอการรับชำระหนี้ที่ผ่อนปรน และอยู่ในวิสัยที่จะสามารถปฏิบัติได้ เพื่อให้ผู้ไกล่เกลี่ยนำไปใช้ในกระบวนการเจรจาต่อไป
ไกล่เกลี่ยหนี้ครอบคลุมทุกสถานะ
ซึ่ง ครอบคลุมหนี้บัตรทุกกลุ่ม ถือเป็นการไกล่เกลี่ยที่ทำได้ครอบคลุมทุกสถานะ
กลุ่มแรกคือ ลูกหนี้สถานะยังเป็นหนี้ดี
ขั้นตอนการไกล่เกลี่ยหนี้ครอบคลุมทุกวงจรของหนี้บัตร โดยเริ่มตั้งแต่ลูกหนี้ที่คงสถานะเป็นหนี้ดี จ่ายได้ในอัตราขั้นต่ำ แต่เริ่มขาดสภาพคล่อง เพราะดอกเบี้ยสูง หากลูกหนี้ต้องการลดภาระที่แบกไว้เนิ่นนานให้ลดน้อยลงสามารถขอเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิต ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง 16% เป็นหนี้ที่มีระยะเวลาผ่อนนานถึง 4 ปี
โดยดอกเบี้ยต่ำลงคือ 12% และมีค่างวดที่แน่นอนได้ ซึ่งจะดีกว่าการจ่ายผ่อนขั้นต่ำไปเรื่อยๆ เช่น
ตัวอย่างหนี้บัตร 1 แสนบาท ถ้าผ่อนขั้นต่ำปีแรกเฉลี่ย 5,000 บาท รวม 84 งวดจึงจะหมดหนี้
ในขณะที่สินเชื่อผ่อนรายเดือนเฉลี่ยงวดละ 3,000 บาท นาน 40 งวดเท่านั้น สำหรับบัตรกดเงินสดก็เปลี่ยนเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาผ่อนนาน 4 ปีที่อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22%
นอกจากนี้ สินเชื่อส่วนบุคคล ประเภทผ่อนรายเดือนที่มีดอกเบี้ยสูงถึง 25% สามารถขอลดดอกเบี้ยลงเหลือ 22% และลดค่างวดลงได้ 30% ด้วย
นอกจากนี้ ท่านยังสามารถขอให้ผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าหนี้คงวงเงินบัตรเครดิตบางส่วนเอาไว้ได้อีกด้วย ทั้งนี้การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาดังกล่าวเป็นแนวทางหนึ่งของมาตรการขั้นต่ำในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท.
ซึ่งจะไม่กระทบประวัติในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ลูกหนี้ที่ต้องการเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาซึ่งอัตราดอกเบี้ยต่ำลงสามารถใช้ช่องทางไกล่เกลี่ยในงานนี้ได้เช่นกัน และ ธปท. จะส่งคำขอของลูกหนี้ไปยังผู้ให้บริการทางการเงิน
สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมไกล่เกลี่ย ครั้งนี้สมัครเข้าคลินิกแก้หนี้ได้เลย และจากที่ ธปท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลรับข้อเสนอของคลินิกแก้หนี้เป็นหนึ่งข้อเสนอที่ใช้ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยออนไลน์ของศาล
ลูกหนี้ที่ใช้ช่องทางนี้จะถือว่าสมัครเข้าคลินิกแก้หนี้และเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยของศาลไปพร้อมๆ กัน
ข่าวดีสำหรับลูกหนี้กลุ่มนี้คือ ล่าสุดคลินิกแก้หนี้ได้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการจากเดิมที่จะต้องเป็นหนี้ NPL ก่อน 1 กรกฎาคม 2563 เป็น NPL ก่อน 1 กุมภาพันธ์ 2564
เพื่อให้สามารถรองรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤติโควิด19 ศาลให้ความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกให้ทางเลือกลูกหนี้สามารถเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยผ่านช่องทางออนไลน์ของศาล (ระบบ CIOS) หากตกลงกันได้สามารถเลือกไปลงลายมือชื่อในบันทึกข้อตกลงได้ที่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ โดยมีศาลที่นำระบบดังกล่าวไปใช้แล้วกว่า 232 แห่ง
กลุ่มที่ 3 คือ ลูกหนี้ ที่เป็นหนี้ NPL ที่มีคำพิพากษาบังคับคดีแล้ว
เป้าหมายสำคัญและถือเป็นความพิเศษของงานมหกรรมไกล่เกลี่ยในครั้งนี้คือ การไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในส่วนที่มีคำพิพากษาและถูกบังคับคดีแล้ว
ซึ่งไม่สามารถเข้าคลินิกแก้หนี้ได้ และปกติเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นตอนนี้เจ้าหนี้จะมักจะไม่ยอมเจรจา แต่เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ให้บริการทางการเงินจำนวน 23 แห่งเล็งเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นที่เจ้าหนี้ต้องผ่อนปรนและช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินต่อไปได้ จะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ในชั้นบังคับคดีสามารถที่จะเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ร่วมกันได้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ข้อเสนอที่ลูกหนี้จะได้รับในงานนี้จะมีความผ่อนปรนสามารถปฏิบัติได้จริงตามแนวทางของคลินิกแก้หนี้ตัวอย่างเช่น ลูกหนี้จะผ่อนชำระเฉพาะเงินต้นเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยที่ค้างถ้ามีจะยกให้ ถ้าลูกหนี้จ่ายชำระตามแผนได้สำเร็จ
และที่สำคัญจะมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวถึง 5 ปี ซึ่งจะทำให้ค่างวดที่ลูกหนี้ต้องจ่ายไม่สูงนักและอยู่ในวิสัยที่ชำระได้ เช่น ถ้าเงินต้น 50,000 บาท ปีที่ 1-3 จ่ายเพียงเดือนละ 1,111 บาท ปีที่ 4-5 เดือนละ 416 บาท
เมื่อลูกหนี้เจ้าหนี้สามารถพูดคุยตกลงแก้ไขปัญหาหนี้ระหว่างกันได้ ลูกหนี้จะไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายสู้คดี ไม่เครียด ธุรกิจเดินต่อได้ ในขณะที่เจ้าหนี้จะได้ประโยชน์จากการที่จะได้รับชำระหนี้คืน เพราะลูกหนี้จะยังผ่อนชำระหนี้ต่อเนื่อง ไม่ต้องไปฟ้องร้องบังคับคดี สามารถรักษาสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน
สุดท้ายแล้ว การไกล่เกลี่ยแนวใหม่ ประกอบกับการปรับปรุงและยกระดับแนวปฏิบัติเกี่ยวกับดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่ผ่านมา จะทำให้แรงจูงใจในระบบการเงินโดยรวมมีความสมดุลมากขึ้น
ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาลและปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนลดลง รวมทั้งจะช่วยลดแผลเป็น (economic scars ) หรือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด19 ให้มีน้อยที่สุด
ซึ่งมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ จะมีระยะเวลาเข้าโครงการเพียง2 เดือนเท่านั้นตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ - 14 เมษายน 2564
ดังนั้นครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสุดท้ายของ ‘ลูกหนี้’ ที่จะใช้โอกาสนี้ แก้ปัญหาหนี้ค้างคา และเป็นตัวช่วยให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากวงจรหนี้ และเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างนั่งยืนในอนาคต!!!!!




