‘จีน’ลดภาษีอุตฯชิพ-หนุนธุรกิจขยายตัว

 ‘จีน’ลดภาษีอุตฯชิพ-หนุนธุรกิจขยายตัว

‘จีน’ลดภาษีอุตฯชิพ-หนุนธุรกิจขยายตัว โดยผู้ผลิตชิพในจีนนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ โดยไม่ต้องเสียภาษี ไปจนถึงปี 2573 แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าการอุดหนุนของนโยบายใหม่นี้

ขณะที่ทั่วโลกกำลังเร่งแก้ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน เพราะส่งผลกระทบในหลายภาคส่วนทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ถึงกับยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ด้วย

ล่าสุด จีน ประกาศลดภาษีให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หวังหนุนให้เติบโตอย่างยั่งยืนหลังบอบช้ำหนักจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และหนุนให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่พึ่งพาตัวเองได้

ตามประกาศของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ผู้ผลิตชิพในประเทศสามารถนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ โดยไม่ต้องเสียภาษี ไปจนถึงปี 2573 แต่คำประกาศไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าการอุดหนุนของนโยบายใหม่นี้

ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งลงทุนอย่างหนักเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตชิพประมวลผล แต่ธุรกิจสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังคงต้องพึ่งพาชิพจากสหรัฐ ยุโรป และไต้หวัน เพื่อผลิตชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย

จนมาถึงยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศดำเนินมาตรการที่ทำให้ หัวเว่ยเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน ไม่สามารถเข้าถึงชิพและเทคโนโลยีต่างๆ ของสหรัฐได้ ส่งผลให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งเคยถูกจัดให้อยู่ในอันดับหนึ่งของโลกจนถึงต้นปีที่ผ่านมา ต้องหลุดออกจากรายชื่อ 5 อันดับแบรนด์ชั้นนำไปโดยปริยาย

เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการสื่อสารกลางของสหรัฐ ( เอฟซีซี ) ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทด้านเทคโนโลยี 5 แห่งคือแซดทีอีไฮเทรา หางโจว ฮิควิชัน ต้าหัว เทคโนโลยีและหัวเว่ย ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง เป็นการอาศัยอำนาจตามความในคำสั่งฝ่ายบริหาร ลงนามเมื่อเดือน พ.ค. 2562 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อพิทักษ์ระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐจากการรุกรานของศัตรู

ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านการเมืองคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนผู้นำมาเป็นประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่น่าจะนำมาซึ่งการผ่อนคลายท่าทีของสหรัฐต่อจีนมาก สอดคล้องกับคำพูดของ“เหริน เจิ้งเฟย” ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย ที่กล่าวไว้ในเดือนก.พ.ว่า โอกาสที่สหรัฐจะยกเลิกมาตรการลงโทษแทบไม่มี

ในแต่ละปี จีนนำเข้าชิพประมวลผลและเซมิคอนดักเตอร์อื่นๆ ร่วมกันแล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2563 อยู่ที่่ 439,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.5% จากปี 2562

จีนครองอันดับประเทศที่มียอดขายชิพสูงสุดคือ 151,700 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 35% ขณะที่สหรัฐ มีความต้องการใช้ชิพเพิ่มขึ้น 19.8% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะจากกลุ่มบริษัทไอทีรายใหญ่ที่หันมาทำงานที่บ้าน

ส่วนยอดขายเซมิคอนดักเตอร์แบ่งตามภูมิภาคในปี 2563 เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า สหรัฐ มียอดขายเพิ่มขึ้น 19.8%จีน เพิ่มขึ้น 5.0%เอเชียแปซิฟิก เพิ่มขึ้น 5.3%ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 1.0% ส่วนยุโรป ลดลง 6.0%