'ไพบูลย์' ขีดเส้น30วัน จี้ภท.สอบ 'ชาดา' ขู่ยื่นสอบจริยธรรม

'ไพบูลย์' ขีดเส้น30วัน จี้ภท.สอบ 'ชาดา' ขู่ยื่นสอบจริยธรรม

“ไพบูลย์” ขีดเส้น30วัน จี้ภูมิใจไทยตรวจสอบการกระทำ “ชาดา ” หมิ่นสภาฯ ขู่ยื่นสอบจริยธรรม

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ระหว่างการพิจารณาโหวตลงมติวาระ 3 แก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา ถือเป็นการใช้ถ้อยคำกล่าวหาเพื่อนสมาชิก

ทั้งนี้ เป็นการกล่าวไม่สมควร ผิดข้อบังคัญว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ ข้อที่ 12 อีกทั้ง นำส.ส.ออกจากห้องประชุม เป็นการไม่ทำหน้าที่ในการออกเสียง ตามที่ตัวเองประกาศจุดยืนกับประชาธิปัตย์ ปล่อยให้ประชาธิปัตย์โดดเดี่ยว หรือเพราะกลัวว่าจะถูกดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม การที่นายชาดากล่าวเป็นการละเมิดตนให้เสียหาย จึงให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พิจารณาใน 30 วัน หากไม่มีมาตรการใดๆออกมา ก็ใข้กลไกอื่นตามข้อกฎหมายต่อไปโดยไม่มีเลิก

นอกจากนี้ การโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวานของนายชาดา บางส่วนใช้ถ้อยคำไม่เหมาะในการเป็นสมาชิก ซึ่งต้องเคารพในตำแหน่งหน้าที่การเป็นส.ส. บางอย่างเคยพูดได้ แต่ไม่ควรพูด และส่วนตัวสงสัย ที่ประณามว่าวางแผนเพื่อยื้อเวลารักษาตำแหน่งนั้น หมายถึงนายกฯหรือไม่

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ถ้าหมายถึง ได้ไปคุยกับนายอนุทิน ก่อนโพสต์หรือไม่ และมีหลายเรื่องที่นายชาดา ต้องไปดูกฎหมายให้ดี โดยเฉพาะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่มีผลผูกพันทุกองค์กร เพราะถ้าไม่ ก็ควรโหวต ไม่ใช่วอล์คเอาท์ ควรทำตามอุดมการณ์

รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่สร้างรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะต้องแยกแยะ และบางเรื่องก็เป็นเรื่องระหว่างบุคคล โดยพลังประชาชนมีมาตราฐาน มีการดำเนินการจริงจังเป็นรูปธรรม ซึ่งหวังว่าภูมิใจไทยทำเหมือนกัน รอได้

สำหรับข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 บัญญัติไว้ในหมวด 2 เรื่องจริยธรรมอันเกี่ยวกัยการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ

โดยข้อ 12 ระบุว่า สมาชิกและกรรมาธิการต้องเคารพสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคลขอผู้อื่น ไม่แสดงกิริยา หรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ มีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท เสียดสีหรือใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใด หรือนำเอาเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายแสดงความเห็นในที่ประชุม หรือที่อื่นใด

นอกจากนี้ ข้อ 29 วรรคสอง ระบุว่า การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามในหมวด 2 จะถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ เจตนาและความร้ายแรงของความเสียหาย ที่เกิดจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัตินั้น

ส่วนข้อ 30 สมาชิกและกรรมาธิการมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้และเคารพต่อคำวินิจฉัย มติหรือคำสั่งของคณะกรรมการ หรือของสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี