องค์กรผู้บริโภคร้องศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งกขค.ควบรวมซีพี-เทสโก้โลตัส

องค์กรผู้บริโภคร้องศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งกขค.ควบรวมซีพี-เทสโก้โลตัส

องค์กรผู้บริโภคร้องศาลปกครองให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งบอร์ดแข่งขันทางการค้าอนุญาตให้ซีพีควบรวมโลตัส ชี้เป็นทำให้มีอำนาจเหนือตลาดในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก หวั่นกินรวบประเทศ

นางสาวกชนุช แสงแถลง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค   เปิดเผยว่า  มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ 37 องค์กรผู้บริโภค และตัวแทนผู้บริโภค ได้ยื่นฟ้องคณะการแข่งขันทางการค้า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอพิกถอนมิติ กขค.ที่อนุญาตให้บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รวมธุรกิจกับบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แม้จะแจงว่ามีอำนาจเหนือตลาด แต่ไม่ก่อให้เกิดการผูกขาดและไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งขัดต่อเจตนาของ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2560

ทั้งนี้กขค. มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 อนุญาตให้ควบรวมบริษัท เทสโก้ สโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซีพี รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด นั้น ทำให้เครือบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ มีอำนาจเหนือตลาดอย่างสมบูรณ์ในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก  โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นถึง 83.9%  ซึ่งบริษัทเจริญโภคภัณฑ์เป็นผู้ผลิตสินค้าอาหารสำคัญหลายประการ ทั้ง วัตถุดิบ  สินค้าเกษตร และสินค้าแปรรูป สินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ นำไปสู่การผูกขาดทางการค้า  ทำให้กลไกตลาดไม่เป็นอิสระ  ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค ธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

นอกจากนี้กขค.ไม่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้เสียตามที่ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า 2560 กำหนด ขั้นตอนการลงมติ ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  มติเสียงข้างมากของกขค. ขัดต่อเจตนารมณ์พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า 2560 ที่มุ่งป้องกันการผูกขาดทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ขัดกับประกาศของกขค.ที่กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีส่วนแบ่งในตลาดเกิน50 %เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด แต่กลับอนุญาตให้ 2 บริษัทรวมธุรกิจ จนทำให้มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่าร้อยละ 80 ทำให้มีอำนาจเหนือตลาดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นนมติกขค.ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“มติกขค.ดังกล่าวนอกจากทำให้เกิดผลเสียกับประเทศอย่างร้ายแรง ยังจะเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจภาพยนตร์ อาจขอรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน จนมีอำนาจเหนือตลาดในกิจการนั้น และผูกขาดสินค้า หรือ บริการ จนก่อให้เกิดการกินรวบประเทศโดยนักลงทุนไทยหรือนักลงทุนต่างประเทศไทยได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างมาก ทางองค์กรเพื่อผู้บริโภค จึงขอให้ศาลปกครองกลางมีมติเพิกถอนคำสั่งอนุญาตดังกล่าว”