‘เอไอเอ’เปิดแผน3ปี5เป้าหมาย ครองแชมป์ธุรกิจประกันชีวิต

‘เอไอเอ’เปิดแผน3ปี5เป้าหมาย ครองแชมป์ธุรกิจประกันชีวิต

ตลอดระยะเวลากว่า 83 ปี ของ “บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย” ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และครองแชมป์ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมเป็นอันดับหนึ่งมากว่า 4 ทศวรรษ จนถึงปัจจุบัน

ในปี 2563 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม ที่ 145,845 ล้านบาท เติบโต 3.47% จากปีก่อน มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 24.30% และยังมีการเติบโตกำไรอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปีนี้ถือเป็ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ” หลังจากประกาศแต่งตั้ง "กฤษณ์ จันทโนทก" เข้ารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 นับว่า “กฤษณ์” เป็น “ซีอีโอคนไทยคนแรกของ เอไอเอ ประเทศไทย” ที่สร้างความเป็นหนึ่งในทุกด้าน

“กฤษณ์” กล่าวถึงแผนงานในระยะ3ปีข้างหน้า (ปี2564-2566) ว่า วาง 5 เป้าหมายสร้างความเป็นหนึ่ง คือ1.“เอไอเอ เป็นหนึ่ง”ทุกฝ่ายในองค์กรทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวในการดูแลลูกค้าและตัวแทน 2.“เอไอเอ ยืนหนึ่ง”ในทุกมาตรวัด ไม่ว่าจะเป็นส่วนแบ่งการตลาดกำไรขนาดธุรกิจและสินค้าที่ดีสุดในตลาด

3. “เอไอเอ ที่หนึ่ง”นำเสนอนวัตกรรมทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และบริการก่อนผู้อื่นเสมอ4. “เอไอเอ เป็นบริษัทไทย เพื่อคนไทย5. เอไอเอ ต้องการเปลี่ยนบริบทจากการเป็นเพียงผู้จ่ายเคลม หรือPayorเป็นการเข้าไปอยู่ในทุกๆ วันของลูกค้า หรือPartnerเอไอเอ จะอยู่ดูแลสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย

“การที่ผมได้รับตำแหน่งซีอีโอคนไทยคนแรกของเอไอเอ ถือเป็นความภูมิใจอย่างมากเพราะบริษัทประกันชีวิตข้ามชาติอันดับหนึ่งของโลกและของไทย ที่ให้คนไทยเป็นอันดับหนึ่งขับเคลื่อนธุรกิจนี้เอง ถือว่าไม่เรื่องง่ายที่บริษัทจัดตัดสินใจเช่นนี้ได้ ความไว้วางใจครั้งนี้ ถือเป็นความไว้วางใจในคนไทยและตลาดไทยผมตั้งใจจะบริหารงานให้ดีที่สุด เพื่อซีอีโอคนต่อไปของเอไอเอประเทศไทย ยังต้องแป็นคนไทยต่อไป”

ทางด้านปัจจัยท้าทายในระยะ3ปีข้างหน้าที่เป็นโจทย์ที่สำคัญนั้น "กฤษณ์" มองว่า ปัจจัยท้าทายของอุตสาหกรรมประกันชีวิต คือ บริษัทประกันชีวิตจะสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคสอง ที่ไม่มีประกันสะสมทรัพย์ได้หรือไม่ เพราะทุกคนต่างยอมรับกันแล้วว่า ตอนนี้ประกันสะสมทรัพย์เป็นยุคขาลงและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ลดบทบาทลงแล้ว

ดังนั้น ยุคที่สองของธุรกิจประกันชีวิต ที่จะไม่มีประกันสะสมทรัพย์ จะเห็นว่า บริษัทประกันต่างหันมามุ่งเน้นประกันชีวิตควบการลงทุน หรือยูนิตลิงค์และประกันสุขภาพมากขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุคที่สองมานานราว10ปีแล้ว ด้วยการสร้างตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงิน และเมื่อปีที่ผ่านมามีความพร้อมเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ของตัวเอง เพื่อรองรับเข้าสู่ยุคที่สองอย่างแท้จริง

ขณะที่ ปัจจัยความท้าทายของเอไอเอ คือ การก้าวเข้าสู่ยุคที่สาม พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ตอนนี้เราไม่ได้มองคู่แข่ง คือ บริษัทประกันด้วยกันอีกต่อไป แต่มองบริษัทเทคโนโลยีเป็นคู่แข่ง โดยบริษัทมีความกังวลเรื่องดิจิทัลดิสรับชั่นค่อนข้างมาก เพราะหากใครที่เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ก่อนและสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบนอีโคซิสเต็มท์ได้เป็นระยะเวลานาน รวมถึงหาพันธมิตรมาเติมเต็มได้ จะเป็นผู้ชนะ

หลังจากนี้จะเห็นการทำตลาดของเอไอเอ มีความสดใหม่มากขึ้น พร้อมกับนำบิ๊กเดต้าเข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลพัฒนาระบบงานผ่านแอพพลิเคชั่นเดียว ล่าสุดเตรียมเปิดตัว “ แอปพลิเคชันALive powered by AIAอย่างเป็นทางการในวันที่23 มี.ค. นี้

ทางด้านมุมมองการลงทุนที่มีความผันผวน “กฤษณ์” มองว่า การลงทุนในภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันชีวิต ยังต้องเน้นการลงทุนตราสารหนี้ ถึงแม้จะมีผลตอบแทนที่ลดลงจากในอดีต และคงจะเข้ามารับความเสี่ยงจากตราสารทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น

แต่ในส่วนนโนบายการลงทุนของเอไอเอ พยายามหาการลงทุนลงทุนประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ มาช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องอยู่ภายในแนวทางการลงทุนที่ไม่ทำให้พอร์ตการลงทุนผันผวนจนเกิดไป เพราะเราอยู่ในธุรกิจที่ยังต้องมีการการันตีผลตอบแทนในระยะยาวอย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการศึกษาและเตรียมหาการลงทุนใหม่ๆอยู่เสมอ ซึ่งภายใน1-2ปีนี้คงจะมีการลงทุนใหม่ให้ได้เห็นแน่นอน