อย่าตื่นตระหนก! 'อุดตันเส้นเลือดดำ' พบใน 'ยุโรปมากกว่าเอเชีย 3 เท่า'

อย่าตื่นตระหนก! 'อุดตันเส้นเลือดดำ' พบใน 'ยุโรปมากกว่าเอเชีย 3 เท่า'

เป็นที่วิตกกังวลกันว่า วัคซีน "AstraZeneca" จะใช้ในบ้านเราทำให้เกิดอุบัติการเกิดการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ หรือ "อุดตันของเส้นเลือดดำ" ซึ่งพบใน "ยุโรปมากกว่าเอเชียถึง 3 เท่า"

วันที่ 12 มี.ค.2564 “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” เกี่ยวกับเรื่อง "โควิดวัคซีน" ข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ "การแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ" ตอนหนึ่งว่า มีข่าวในหลายประเทศหยุดใช้ วัคซีน "Astrazeneca" ชั่วคราว

เพราะมีผู้ป่วยเกิดการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำและมีการเสียชีวิต 1 ราย จากการศึกษาใน 3 ล้านรายที่ฉีดวัคซีน มีการป่วยเกิดขึ้น 22 คน หรือเทียบกับ 7 คนในล้านคนที่ฉีดวัคซีน

แน่นอนเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะ "วัคซีน" นี้เป็นวัคซีนใหม่ จะต้องมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

  • "อุดตันเส้นเลือดดำ" พบบ่อยในยุโรปมากกว่าเอเชีย 3 เท่า

ศ.นพ.ยง กล่าวต่อว่า "อุบัติการณ์" การเกิด "การอุดตันของเส้นเลือดดำ" พบได้บ่อยใน "คนยุโรป อเมริกามากกว่าคนเอเชีย ถึง 3 เท่า" โดยจะเห็นว่าเวลาขึ้นเครื่องบิน จะมีการแนะนำเสมอ ให้กินน้ำให้มาก และให้ขยับตัว ขยับเท้าเพื่อป้องกันการเกิดภาวะการณ์ดังกล่าว ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนที่ทำให้คนยุโรปมีโอกาสเป็นมากกว่าคนเอเชีย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางประเทศอังกฤษได้ฉีดไปแล้วมากกว่า 11 ล้านคน ก็ไม่พบ "อุบัติการณ์" ดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ โรคดังกล่าวจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยคนในยุโรปที่อายุเกิน 60 ปีจะมีอุบัติการณ์ประมาณ 5-13 ใน 1,000 person year

Prof Paul Hunter ในภาวะปกติถ้าฉีดวัคซีนแล้วติดตามไป 1 เดือน ในคนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปในช่วงเวลา 1 เดือนจะพบได้ถึง 400 ถึง 1,000 episode ต่อประชากร 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นอาการที่พบร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีน อะไรก็ตามแต่ที่เกิดร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีนจำเป็นต้องมีการสอบสวน

อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วหลังการฉีดวัคซีนของ Pfizer ในนอร์เวย์และเกาหลี มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ต่อมาก็พิสูจน์ว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน วัคซีน Pfizer ก็ยังคงดำเนินการฉีดต่อไปอีกเป็นจำนวนมากหรือจะมากที่สุดก็ได้ในขณะนี้

คนเอเชียอย่างประเทศไทยมีโอกาสเกิดโรคนี้น้อยกว่าคนยุโรปถึง 3 เท่า และวัคซีนที่ใช้ที่ทางยุโรปหยุดการใช้ใน batch นี้ผลิตในยุโรป จึงมีการระงับใช้ไปไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ แต่ว่าวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ผลิตจากโรงงานเกาหลี

จากข้อมูลทั้งหมดคณะกรรมการ จะต้องเป็นผู้กำหนดสำหรับประเทศไทย และจะต้องมาหารือร่วมกัน