'BPP' แย้มครึ่งแรกปีนี้ได้ผู้ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ

'BPP' แย้มครึ่งแรกปีนี้ได้ผู้ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ

บ้านปู เพาเวอร์ กางแผนธุรกิจ 5 ปี ขยายกำลังผลิตจาก 2,856 เมกะวัตต์เทียบเท่าปัจจุปันสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าในปี 68 จากปี 63 โตต่อเนื่อง ล่าสุด เดินหน้าหาพันธมิตรร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐคาดชัดเจนครึ่งแรกปีนี้

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนธุรกิจ 5 ปี ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลัก วางเป้าหมายขยายกำลังผลิตจาก 2,856 เมกะวัตต์เทียบเท่าในปัจจุปัน สู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าภายในปี 2568

ทั้งนี้ บริษัทพร้อมที่จะยกระดับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าด้วยจุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน (We ARE Power for the Sustainable World) ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยให้ความสำคัญต่อหลักปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG)

โดย 5 ปีต่อจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารต้นทุนของโรงไฟฟ้า เพื่อให้สามารถเดินเครื่องจ่ายไฟได้ตามเป้าหมาย พร้อมเดินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เน้นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และโครงการที่ใกล้จะแล้วเสร็จ (Brownfield) ที่มีการใช้เทคโนโลยี High Efficiency, Low Emissions (HELE) โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปในประเทศที่กลุ่มบ้านปูดำเนินธุรกิจอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา ในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) รวมไปถึงการหาพันธมิตรร่วมลงทุน โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในครึ่งแรกของปีนี้

 

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมุ่งสร้างการเติบโตในพอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานผ่านบ้านปู เน็กซ์ เตรียมเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 100 เมกะวัตต์ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายขยายกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนถึง 800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568

สำหรับปี 2563 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 3,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อนหน้า และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 5,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปีก่อนหน้า


นอกจากนี้ บริษัทกำหนดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2563 งวดวันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลทั้งปีที่ร้อยละ 54 ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน สะท้อนความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน