“3 กูรู” เฟ้น 5 หุ้นเด็ดรับผลดีวัคซีนโควิด-19 เตรียมเปิดประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะหุ้นกำไรฟื้นตัว ราคามีอัพไซด์ บล.หยวนต้า เน้นหุ้นวัฎจักรโตตามเศรษฐกิจ บล.กสิกรไทย คาดดัชนีเดือนพ.ค. ร่วงแตะ 1,450 จุด นจุดเข้าซื้อ เก็งปลายปีลุ้นแตะ 1,600 จุด ชูอาหา
วานนี้ (25 ก.พ.) หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ จัดงานสัมมนา 'ส่องหุ้นไทย...ฝ่าวิกฤติโควิดระลอกใหม่' โดยมี '3กูรู' ตลาดทุนมาให้มุมตลาดทุนไทยและหุ้นเด็ดในช่วง 'เบญจภาคีคัด 5 หุ้นเด็ดชนะโควิด-19'
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟินันเซีย ไซรัส บอกว่า หลังเมืองไทยทยอยฉีดวัคซีนถือเป็นโอกาสที่ดีจะกลับมาเปิดประเทศได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโต ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเติบโตก็จะทำให้ตลาดหุ้นกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามแผนการฉีดวัคซีนหากเป็นไปตามที่คาดหมายเศรษฐกิจก็จะกลับมาดี แต่หากไม่เป็นตามที่คาดการณ์ไว้อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังได้
สำหรับการลงทุนในช่วงนี้จะกลับมาสู่ 'นอร์มอล' (Normal) ธุรกิจอะไรที่เป็นธุรกิจเดิมๆ กลับมา จากเดิมเป็น 'นิว นอร์มอล' (New Normal) บนสมมุติฐานที่เศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะกลับมาฟื้นตัวครึ่งปีหลัง จากแผนการกระจายวัคซีนได้ตามแผน
โดยธีมการลงทุนปีนี้ 'เปิดประเทศ' รับการฟื้นตัวของ 'หุ้นเศรษฐกิจเก่า' โดยให้เป้าดัชนีปีนี้ 1,600 จุด ซึ่งมี 5 หุ้นแนะนำ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)หรือ AEONTS โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 288 บาท กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะเติบโตระดับสูง ขณะที่ราคาหุ้นถูก P/E 12 เท่า
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 2.80 บาท อานิสงส์จัดมอเตอร์โชว์จะกลับมาปกติ ทำให้ผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์ และมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงระดับ 6%
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ TISCO โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 112 บาท บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ให้ราคาเหมาะสม 48 บาท ผลประกอบการปีนี้และปีหน้าจะเติบโตเท่าตัว และไม่มีความกังวลเรื่องเพิ่มทุน บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ให้ราคาเหมาะสมที่ 12 บาท คาดว่าโรงเรียนจะกลับเปิดปกติ ปีนี้จะมีการเปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่ง และปีหน้าอีก 1 แห่ง
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า (ประเทศไทย) จุดเปลี่ยนของการลงทุนในหุ้น จากเดิม 5-6 เดือนก่อนที่ตลาดเป็นขาขึ้น แต่ตอนนี้ตลาดไซด์เวย์ และการลงทุนจะเปลี่ยนไปจากตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่มองเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวครึ่งปีหลัง หลังมีการฉีดวัคซีน-19 ให้กลับประชาชนได้สัดส่วนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองครึ่งปีหลังกลุ่มท่องเที่ยวจะกลับมา หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อลดน้อยลง ทำให้เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัว ดังนั้น คาดว่า IMF จะปรับตัวเลขจีดีพีไทยครึ่งปีหลัง เชื่อว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวมากกว่าครึ่งปีแรก
โดยธีมลงทุนปีนี้ กลุ่มหุ้นวัฎจักร โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี-โรงกลั่น ซึ่งมองเป็นปีทองของหุ้นในครอบครัวปตท. , กลุ่มโลหะอุตสาหกรรม เช่นกลุ่มเหล็ก กลุ่มสินค้าเกษตร เช่น ยาง ข้าวโพด กลุ่มกองเรือ กลุ่มปศุสัตว์ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มดังกล่าวกำลังจะกลับมาไปตามทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยให้เป้าหมายในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 1,540 จุด และรอปรับประมาณการใหม่ครึ่งปีหลัง
ซึ่งมี 5 หุ้นแนะนำ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK คาดได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว และลูกหนี้น่าจะกลับมาจ่ายหนี้ได้ปกติ ให้ราคาเหมาะสมที่ 146 บาท บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ผลประกอบการจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ ให้ราคาเหมาะสมที่75.50 บาท บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR ให้ราคาเหมาะสมที่ 4.84 บาท บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP อยู่ระหว่างปรับราคาใหม่ บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC อยู่ระหว่างปรับราคาใหม่ ซึ่งกลุ่มโรงกลั่นราคาปรับตัวขึ้นมาแล้ว
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย บอกว่า คาดไตรมาส 2/64 จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชัดเจน ยิ่งมีวัคซีนโควิด-19 น่าจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ให้ระวังแรงเทขายหุ้นออกมาในช่วงเดือนพ.ค. หรือ 'Sell in May' เนื่องจากเป็นช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่ำสุดของปี (โลว์ซีซั่น) แต่แนะนำเป็นจุดซื้อที่ระดับ 1,450 จุด โดยทั้งปีนี้ให้ราคาเป้าหมายดัชนี 1,600 จุด
โดยภาคอุตสาหกรรมแรกที่น่าจะฟื้นก่อนคือภาคการผลิต ขณะที่ภาคบริการฟื้นตัวยังช้า เนื่องจากท่องเที่ยวยังไม่กลับมา และทยอยฟื้นตัวครึ่งปีหลัง และปีหน้าจะฟื้นตัวชัดเจน สอดคล้องกับคาดการณ์ปีหน้าท่องเที่ยวกลับมาเร็วมาก และเมืองไทยมีสัดส่วนจีดีพีท่องเที่ยวสูง เชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจประเทศไทยจะฟื้นตัวโดดเด่นมากกว่าประเทศอื่น
สำหรับปีนี้ธีมการลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฎจักร แนะนำควรกลับมาซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว รับปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวโดดเด่น จากการฟื้นตัวของกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีหุ้นดังกล่าวจำนวนมาก แม้ไม่มีหุ้นเทคโนโลยีก็ตาม แต่มองว่าปีหน้ากำไร บจ. จะกลับมาสู่ภาวะปกติแต่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก
โดยมี 5 หุ้นแนะนำ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้น การเดินทางท่องเที่ยวจะกลับมา ให้ราคาเหมาะสมที่70 บาท ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL แนวโน้มลูกหนี้มีสัญญาณกลับมาจ่ายหนี้ได้ดีขึ้น ให้ราคาเหมาะสมที่ 157 บาท บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF คาดราคาเนื้อสัตว์ขยับเพิ่มขึ้น ให้ราคาเหมาะสมที่ 38.20บาท บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL คาดกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว ให้ราคาเหมาะสมที่ 70.25 บาท บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS ธุรกิจกำไรน่าจะฟื้นตัว หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ได้ประโยชน์จากวัคซีนโควิด-19