กองทัพเมียนมาแก้ก.ม.ปูทางรวบตัวม็อบเห็นต่าง

กองทัพเมียนมาแก้ก.ม.ปูทางรวบตัวม็อบเห็นต่าง

พลเอกอาวุโส“มิน อ่อง หล่าย” แก้กฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อเตรียมจับกุมผู้ประท้วง ที่หมายถึงการต้องรายงานเมื่อมีแขกมาพักอาศัย และเจ้าหน้าที่สามารถบุกบ้านเมื่อใดก็ได้

พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำการทำรัฐประหาร ได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อเตรียมจับกุมผู้ประท้วง โดยฉบับที่ 1 ระบุว่า ถ้ามีแขกต่างถิ่น หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันมานอนค้างคืน ก็จะต้องไปรายงานต่อผู้ใหญ่บ้าน หรือประธานชุมชนว่า คนที่มาพักเป็นใคร มาจากไหน จะอยู่นานถึงกี่วัน ถ้าไม่แจ้งจะถูกดำเนินคดี และปรับไม่เกิน 10000 จ๊าต หรือราว 200 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 วัน

ผู้ใหญ่บ้านหรือประธานชุมชน ที่นำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถเคาะประตูบ้าน เพื่อตรวจสอบได้ทุกเวลา แม้จะดึกแค่ไหนก็ตาม โดยไม่ต้องมีหมายค้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาสามารถบุกเข้าไปถึงที่นอนได้ตามใจชอบ โดยที่เจ้าของบ้านต้องจำยอมโดยไม่มีข้อแม้ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ ได้อำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ในการสืบหาเบาะแสและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงได้ง่ายขึ้น ส่วนบุคคลที่ถูกออกหมายจับก็จะหนีไปอาศัยบ้านคนอื่นได้ยากขึ้นด้วย

ฉบับที่ 2 เป็นการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสิทธิเสรีภาพประชาชนในบางมาตรา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่บัดนี้จนถึงการมอบอำนาจรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะทำให้ตำรวจหรือทหาร สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นและหมายจับจากศาล ทั้งยังควบคุมตัวได้เกิน 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องขออำนาจศาลเพื่อฝากขังต่อ ทั้งยังสามารถนำตัวผู้ต้องสงสัยไปคุมขังที่โรงพักหรือที่อื่นๆ หรืออาจเป็นที่ลับเฉพาะ ที่ไม่ต้องเปิดเผย เพื่อหลีกเลี่ยงการบุกของชาวบ้านไปเรียกร้องให้ปล่อยตัว ถ้ายังถูกคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจ

ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับนางออง ซาน ซูจี ที่ถูกจับกุมตัวนั้น ทนายความของนางออง ซาน ซูจี เปิดเผยว่า นางซูจีจะยังคงถูกกักตัวอยู่ในบ้านพักจนถึงวันพุธที่ 17 ก.พ.นี้ ไม่ใช่ในวันนี้ (15 ก.พ.) ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ โดยนางซูจีถูกควบคุมตัวในข้อหานำเข้าและครอบครองอุปกรณ์สื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต

กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารและจับกุมตัวนางซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยศาลเมียนมาให้การอนุญาตตามคำขอของสำนักงานตำรวจที่จะควบคุมตัวนางซูจีจนถึงวันที่ 15 ก.พ.

ส่วนบรรยากาศในเมียนมาทวีความรุนแรงมากขึ้นวานนี้ (15ก.พ.)หลังจากที่กองทัพนำรถหุ้มเกราะออกมาวิ่งบนถนนกลางเมืองย่างกุ้งซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พร้อมตัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตตลอดทั้งคืน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่กำลังจะถึงวันครบรอบสองสัปดาห์เต็มที่กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และครบกำหนดการควบคุมตัวนาซูจี ผู้นำพรรครัฐบาลซึ่งถูกจับกุมตัวหลังจากที่เกิดการก่อรัฐประหารในประเทศในวันจันทร์ที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงภาพของยานพาหนะทางทหารบรรทุกเจ้าหน้าที่ทหารวิ่งอยู่บนถนนในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของเมียนมาในวันนี้ด้วย

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.พ.) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเมียนมาได้ออกจดหมายเตือนพลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเมียนมาให้อยู่ในที่พักในช่วงที่มีการประกาศใช้มาตรการเคอฟิวส์ตั้งแต่เวลา 20.00-4.00 น. โดยอ้างว่ามีสัญญาณบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวทางทหาร

ที่ผ่านมา คณะรัฐประหารเมียนมาออกคำสั่งยกเลิกมาตรา 5,7 และ 8 ของกฏหมายพิทักษ์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของพลเรือน เป็นการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพโดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนและต่อต้านคำสั่งรัฐโดยไม่ต้องใช้หมายจับ, สามารถตรวจค้นบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพยานของหมู่บ้าน, ติดตามและจับกุมบุคคลผู้มีพฤติกรรมต่อต้านรัฐ รวมถึงสามารถควบคุมตัวได้เกิน 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องใช้หมายศาล

หลังกองทัพมีคำสั่งดังกล่าว ส่งผลให้กระแสต้านรัฐประหารเซึ่งยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ได้ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา มีภาพและคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจจากการระงับใช้กฏหมาย 3 มาตราดังกล่าว เข้าจับกุมผู้เห็นต่างเวลากลางคืน

นอกจากนั้น มีรายงานว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจเข้าจับผู้เป็นแกนนำเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารกลางดึก จำนวนนี้รวมถึงการจับกุมบุคคล 7 รายที่ส่วนใหญ่เป็นอดีตแนวร่วมเคลื่อนไหว “8888” หรือเหตุการก่อการกำเริบ 8888 ในสมัยรัฐบาลทหารนายพลเน วิน

แม้ยังไม่มีรายงานตัวเลขการบุกจับกุมช่วงกลางคืนอย่างชัดเจน แต่จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ระบุว่ามีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 320 คนตั้งแต่การเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารในสัปดาห์ที่แล้ว