รวบแก๊งลวงลงทุนผ่าน 'Lucky Doca' ตุ๋นเหยื่อกว่า 50 ล้านบาท

รวบแก๊งลวงลงทุนผ่าน 'Lucky Doca' ตุ๋นเหยื่อกว่า 50 ล้านบาท

ศปอส.ตร บุกรวบผู้ต้องหาหลอกลวงผู้เสียหายลงทุนผ่านเกม "Lucky Doca" ทำเหยื่อกว่า 500 ราย สูญเงินกว่า 50 ล้านบาท

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะการหลอกลวง หรือฉ้อโกงออนไลน์ อันเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ประชาชนบางส่วนต้องหยุดงาน ทำงานจากที่บ้านทางออนไลน์ และมีบางส่วนที่ต้องออกจากงาน และมีความต้องการที่จะหางานทำโดยเฉพาะการทำงานออนไลน์ จึงเป็นโอกาสให้กับเหล่ามิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงหรือฉ้อโกงพี่น้องประชาชน

โดยอ้างว่าเป็นการชักชวนให้มาทำงานออนไลน์ ลงทุนน้อยแต่รับประกันได้รับผลตอบแทนสูง ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ถูกหลอกลวงได้รับความเสียหายจำนวนมาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการตามสั่งการของ นายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ชุดที่ 1 ศปอส.ตร. เข้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มกระบวนการฉ้อโกงออนไลน์ หลอกลวงผู้เสียหายลงทุนผ่านเกมส์ลัคกี้โดก้า (Lucky Doca) จากการสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ได้ดังนี้ น.ส.ธนาพร อายุ 25 ปี และน.ส.ฐิติภา อายุ 31 ปี ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ

161294975876

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การปฏิเสธ ซึ่งรูปแบบในการลงทุน เป็นการหลอกให้ผู้เสียหายซื้อหมาในเกม "Lucky DoKa" โดยสมาชิกจะได้กำไรจากการขายหมาต่อ ให้สมาชิกคนต่อไป ซึ่งผู้ต้องหาจะเพิ่มจำนวนหมาเข้ามาในระบบ และตั้งราคาเอง ซึ่งหมาจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เงินจำนวนมากแล้ว ก็จะปิดระบบหนีไป มีผู้เสียหายกว่า 500 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท กลุ่มผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องเรียนที่ ศปอส.ตร. โดยคดีนี้พบว่ากลุ่มผู้เสียหายจะเป็นกลุ่มที่หางานทำตามโลกออนไลน์ และได้พบการชักชวนจากกลุ่ม Influencer ทำให้มีผู้เสียหายกระจายเป็นวงกว้างมูลค่าความเสียหายสูงดังกล่าว

ทั้งนี้ การกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา เป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งทางศูนย์ฯจะให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพี่อดำเนินคดีในความผิดอาญาฐานฟอกเงิน โดยทางศูนย์ฯได้ดำเนินการประสานกับทาง ปปง.เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินในการตรวจยึดทรัพย์สินมาคืนให้กับกลุ่มผู้เสียหายต่อไป