ศบค.เล็งให้”คนเสี่ยงสูง”โควิด-19เข้ากักตัวในสถานที่ของรัฐ

ศบค.เล็งให้”คนเสี่ยงสูง”โควิด-19เข้ากักตัวในสถานที่ของรัฐ

ศบค.เผยปัจจัยเสี่ยงคนกรุง ทำติดโควิด-19 งานเลี้ยงส่วนตัว-สถานที่ทำงาน ผลสำรวจคนไทยเริ่มการ์ดตกหลังคลายมาตรการ เตรียมปรับระบบกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เปิดทางเลือกสมัครใจเข้ากักในสถานที่ของรัฐ

     เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 ก.พ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 586 ราย พบในระบบ 47 ราย กรุงเทพฯ 18 ราย ตาก 3 ราย สมุทรสาคร 26 ราย คัดกรองเชิงรุก 526 ราย เพชรบุรี 3 ราย เชื่อมโยงตลาดรถไฟมหาชัย สระแก้ว 1 รายเกิดจการตรวจค้นผู้ต้องขังแรกรับสัญชาติกัมพูชา สมุทรสาคร 522 ราย โดยในส่วนผู้ติดเชื้อในประเทศ อยู่ที่สมุทรสาคร 548 ราย 95.64 % กรุงเทพฯ 18 ราย 3.14 % จังหวัดอื่นๆ 7 ราย 1.22 % และเดินทางมาจากต่างประเทศ 13 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 22,644 ราย เสียชีวิตสะสม 79 ราย เฉพ่ะระลอกใหม่ติดเชื้อสสะม 18,407 ราย เสียชีวิตสะมม 19 ราย

สำหรับพื้นที่จ.สมุทรสาคร จะมีการดำเนินการมาตรการส่วนของโรงงานหลังจากมีการคัดกรองเชิกรุก แบ่งเป็น 1.มาตรการครอบพื้นที่หรือซีล จำนวน 1 โรงงาน เนื่องจากมีศักยภาพพร้อมที่จะให้พนักงานสามารถพักค้างคืนและทำงานในพื้นที่ของโรงงานได้ และ2.บับเบิ้ล จำนวน 7 โรงงาน เพราะไม่สามารถจัดให้มีการพักค้างในบริเวณโรงงาน จึงต้องจัดระบบบับเบิ้ล หรือขตเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีการตีกรอบชัดเจน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต.ท่าทรายและต.นาดี เป็นพื้นที่เขตเฝ้าระวังพิเศษ มีการจัดที่พักให้พนักงานที่มีความสะอาดตามมาตรฐานควบคุมการแพร่เชื้อ


และพนักงานเดินทางไปทำงานจังหวัดได้ประสานพื้นที่และเจ้าของโรงงานจัดรถสองแถวรับส่ง ซึ่งจะมีการดูแลรถไม่ให้แพร่เชื้อ และระหว่างการเดินทางไม่มีการแวะที่ไหน ถ้าเดินเท้ามีการเว้นระยะห่าง ซึ่งพนักงานโรงงานทั้งชาวไทยและเมียนมา ให้ความร่วมมือ อีกทั้ง ในจังหวัดยังมีการคัดกรองต่อเนื่อง เมื่อพบบก็จะมีการครอบหรือซีลพื้นที่ไม่ให้แพร่กระจายวงกว้าง โดยจ.สมุทรสาครจะประชุมผู้ประกอบการ คณะกรรมการโรตติดต่อจังหวัดและทุกภาคส่วน หามาตรการ่วมกันในการเปิดเมือง ชุมชนและตลาดกลางกุ้งในเร็วๆนี้


ปัจจัยเสี่ยงคนกรุงติดโควิด
พื้นที่กรุงเทพฯ พบเหตุการณ์เสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก่อน คือ 1.การรวมตัวจัดงานเลี้ยงส่วนตัว ตัวอย่าง 4 กรณี งานเลี้ยง ที่1 ผู้ร่วมงาน 30 ราย ติดเชื้อ 9 ราย 30 % งานเลี้ยงที่ 2 ผู้ร่วมงาน 13 ราย ติดเชื้อ 10 ราย 77 % งานเลี้ยงที่ 3 ผู้ร่วมงาน 7 ราย ติดเชื้อ 7 ราย 100 % และงานเลี้ยงที่ 4 ผู้ร่วมงาน 16 ราย ติดเชื้อ 16 ราย 100% ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลของกรมควบคุมโรค พบว่า ปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อ คือ มีการดื่มแอลกอฮอล์แก้วเดียวกัน อยู่ร่วมกันเวลานาน มีการใช้มือหยิบน้ำแข็ง และเต้นรำสัมผัสใกล้ชิดกัน แม้จะมีความพยายามจัดงานเลี้ยงรัดกุมสวมหน้ากา ก เว้นระยะ แต่เวลาคนดื่มแอลกอฮอล์ หากดูตามเกณฑ์องค์การอนามัยโลก เมื่อดื่ม 1-2 ดริ้งค์ หรือเบียร์ขนาด 330 ซีซี 1 กระป่อง ไวน์ ขนาด 100 ซีซี 1 แก้ว หรือเหล้าวิสกี้ 30 ซีซี 1ช้อนโต๊ะ จะทำให้เฉื่อยช้า การตอบสนองช้าลง ขาดความยับยั้ง เริ่มเสียการควบคุมตัวเอง ไม่ระมัดระวังตัวเอง อาจทำให้เกิดความหล่ะหลวมและไม่สามารถดูแลตัวเองได้


และ2.การติดเชื้อในสถานที่ทำงาน ตัวอย่าง2 กรณี กรณีที่ 1 คลินิกเสริมความงาม 7 ราย ติดเชื้อ 5 ราย 71 % และกรณีที่ 2 แผนกหนึ่งในบริษัทแห่งหนึ่ง 10 ราย ติดเชื้อ 9 ราย 90 % ซึ่งปัจจัยเสี่ยงพบว่า รับประทายอาหารร่วมกันทุกวัน มีการพูดคุยขณะรับประทานอาการ ไม่ใช้ช้อนกลาง ไม่สวมหน้ากาขณะปฏิบัติงานตลอดเวลา และพูดคุยใกล้ชิดกันเป็นเวลานานบางครั้งโดไยม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และนั่งรถไป-กลับเพื่อมาทำงานด้วยกันโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย


คนไทยเริ่มการ์ดตก
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า จากการสำรวจมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค.2564 โดยการสอบถามของอสม.และแบบออนไลน์ ผู้ตอบกว่า 60,000 ราย พบว่า หลังจากวันที่ 4 ม.ค.2564ที่มีการผ่อนคลายมาตรการ มีพฤติกรรมการ์ดตกชัดเจนทั้งในเรื่องของการล้างมือบ่อยๆ การใส่หน้ากาก ซึ่งล้วนแต่ลดลง ส่วนการเดินทางออกนอกจังหวัดเพิ่มขึ้น จึงขอย้ำว่าแม้มีการผ่อนคลายมาตรการก็ขอให้คนไทยยังจำเป็นต้องยกการ์ดสูง ดูแลมาตรการสุขอนามัยส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง ยังไม่สามารถวางใจได้ และเวลาไปในที่ชุมชนสแกนไทยชนะ และติดตั้งหมอชนะ

เสี่ยงสูงกักตัวในสถานที่กักกัน
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาผู้มีสัมผัสเสี่ยงสูงซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อนั้น กำหนดให้ ต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้าน แต่พบว่าไม่กักตัวอาจจะมีการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพราะบางคนกักลำบาก เพราะมีสมาชิกในบ้านหลายคน ใช้ห้องน้ำ รับประทานร่วมกันและห้องนอนแยกไม่ได้ ซึ่งศบค.กำลังทบทวนมาตรการจะมีแนวทางศึกษาการบริการจัดการสถานที่กักกันของรัฐ โดยผู้ที่พิจารณาแล้วเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง อาจสมัครใจไปกักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ หรือ สถานที่กักตัวของรัฐในพื้นที่ เพราะสถานที่พักส่วนตัวไม่อำนาย อาจจะมีผู้สูอายุ และเด็กอ่อน ทำให้การกักตัวอยู่บ้านเป็นไปไม่ได้ ซึ่งรายละเอียดมีการหารือในสัปดาห์หน้ารวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ส่วนผู้เสี่ยงกลางหรือต่ำ ขอความร่วมมือเลี่ยงพื้นที่ชมุชน