กองปราบฯ​ จ่อออกหมายเรียก "สกุลธร" คดีติดสินบน เช่าที่ดิน สำนักทรัพย์สินฯ

กองปราบฯ​ จ่อออกหมายเรียก "สกุลธร" คดีติดสินบน เช่าที่ดิน สำนักทรัพย์สินฯ

กองปราบปราม แจงกมธ.กฎหมายฯ เตรียมออกหมายเรียก สกุลธร รับทราบข้อกล่าวหา ปมติดสินบนเช่าที่ สำนักทรัพย์สินฯ ระบุที่ล่าช้า เพราะสับสนในอำนาจทำงาน

      ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.​พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. ได้พิจารณากรณีการการดำเนินคดีกับนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ก ให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อต้องการเช่าที่ดินโดยไม่ผ่านการการประมูลตามกระบวนการ จนนำมาสู่การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯในฐานะผู้รับเงิน ทั้งนี้ได้เชิญ พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.สัณห์เพชร หนูทอง ผู้กำกับการสอบสวน และพ.ต.ท.หญิง บุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ สารวัตรสอบสวน เข้าชี้แจง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ. ได้ซักถามในรายละเอียดถึงการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวรวมถึงการดำเนินคดี โดย พ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงว่า กองปราบปราบเตรียมเรียกผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวให้ปากคำ และขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาหมายเรียกนายสกุลธร ให้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งนี้มีรายละเอียดท่ีต้องพิจารณาเพิ่มเติม  ตามมาตรา 144 ของประมวลกฎหมายอาญาฐาน ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เนื่องจากเป็นคนเดียวที่เซ็นชื่อในเช็คจ่ายเงิน แต่ในการแจ้งข้อหาต้องแจ้งในฐานะนิติบุคคลด้วย ทำให้จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มกับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ส่วนกรณีที่ต้องแยกสำนวนคดีของนายสกุลธร แยกจากคดีของเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินนั้นฯ เพราะเป็นคนละข้อกล่าวหา และหากรวมสำนวนเดียวกันจะกลายเป็นการซัดทอดผู้ต้องหาทำให้คดีไม่มีน้ำหนัก ส่วนกรณีที่ทำคดีล่าช้านั้น เพราะไม่มีความชัดเจนว่าคดีนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือของกองบังคับการปราบปราม แต่เมื่อป.ป.ช.วินิจฉัยแล้วว่าเป็นอำนาจของกองบังคับการปราบปราม หน่วยงานจึงเร่งดำเนินการแล้ว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.ได้ซักถามถึงประเด็นที่นายสกุลธร อ้างว่าถูกหลอก และเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ โดยพ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงว่ากรณีนี้มีข้อเท็จจริงจากเงินก้อนสุดท้าย จำนวน 10 ล้านบาท ที่จะจ่ายกันหากมีการประชุมโครงการ แต่เมื่อการประชุมโครงการไม่เกิดขึ้นจริง นายสกุลธรจึงต้องการยกเลิกสัญญากับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯให้คืนเงิน และเมื่อมีการคืนเงินแล้วนายสกุลธรก็ไม่ได้ดำเนินคดี ฐานฉ้อโกงกับเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวแต่อย่างใด 

      ด้าน พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ ชี้แจงว่าการแจ้งข้อกล่าวครั้งนี้ แม้นายสกุลธรจะอ้างว่าถูกหลอก แต่ในฐานะนักธุรกิจควรทราบขั้นตอนการขอเช่าที่ดิน.