'OR' เปิด 6 กลยุทธ์ดันธุรกิจเติบโต ชี้ขาย IPO ช่วงนี้เป็นจังหวะเหมาะสม

'OR' เปิด 6 กลยุทธ์ดันธุรกิจเติบโต ชี้ขาย IPO ช่วงนี้เป็นจังหวะเหมาะสม

โออาร์ (OR) เผยขายหุ้น IPO ช่วงนี้เป็นจังหวะเหมาะสม พร้อมเปิด 6 กลยุทธ์ สร้างความแข็งแกร่งขยายธุรกิจสร้างการเติบโตกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ เพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร ขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) พร้อมเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ไทยที่จะก้าวไปเป็นแบรนด์ระดับโลก พร้อมสร้างคุณค่าให้กับสังคมชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ช่วงราคาเสนอขาย 16.00 – 18.00 บาทต่อหุ้น สำหรับผู้จองซื้อรายย่อยสามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย ที่สำนักงานใหญ่และทุกสาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 24 มกราคม 2564 – เวลา 12.00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจัดสรรแบบวิธี Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง

สำหรับผู้ถือหุ้น ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามารถจองซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่25-28 มกราคม 2564โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “OR” ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้  โออาร์ ประกาศแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,610,000,000หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 22.5ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้วของบริษัทฯภายหลังที่มีการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้(ในกรณีที่มีการเสนอขายหุ้นทั้งจำนวน โดยไม่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)โดยแบ่งเป็น (ก) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 300,000,000 หุ้นเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ ปตท.ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. (“ผู้ถือหุ้นของปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น”)

ทั้งนี้ ณ วันปิดการเสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวน 2,610,000,000 หุ้นหากมีผู้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายดังกล่าว บริษัทฯอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินให้แก่ผู้ลงทุนจำนวนไม่เกิน 390,000,000 หุ้นอีกทั้ง การจัดสรรหุ้นของ ORในส่วนของผู้ลงทุนรายย่อยในครั้งนี้จะไม่มีการจัดสรรหุ้นผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะเวลาอันเหมาะสมที่ โออาร์พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตครั้งใหม่ ด้วยการเสนอขายหุ้น IPOและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากจุดแข็งรากฐานทางธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโตอันแข็งแกร่งของ โออาร์เพื่อก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง กับแนวคิดธุรกิจ“Retailing Beyond Fuel”

วันนี้เราพร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาร่วมเป็นเจ้าของและต่อยอดสู่การเติบโตที่ไกลกว่าเดิม”โออาร์ ดำเนินธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ(Non-Oil) อย่างผสมผสานกันทั้งในประเทศและต่างประเทศประกอบด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจร้านกาแฟร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่เช่ามีแบรนด์ซึ่งเป็นที่นิยมและได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง เช่น “PTTStation” แบรนด์สถานีบริการน้ำมัน ที่มีสาขา 1,968 แห่งในประเทศไทยและ 329 แห่งในต่างประเทศ “Café Amazon”แบรนด์ร้านกาแฟชั้นนำของประเทศไทยที่มีจำนวน 3,168 ร้านในประเทศไทย และ 272 ร้านในต่างประเทศ ศูนย์บริการยานยนต์ “FITAuto” จำนวน 56 แห่งในประเทศไทย และ 4 แห่งในต่างประเทศ ร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “7-Eleven” ในสถานีบริการ และแบรนด์ “Jiffy” จำนวนรวมกัน 1,960 ร้านในประเทศไทย และ 86 ร้านในต่างประเทศ เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

ด้วยจุดแข็งและปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โออาร์ในฐานะบริษัท Flagship ของ กลุ่ม ปตท.ด้านการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก มีสถานีบริการน้ำมัน “PTTStation” ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพและความสะดวกครบครันในที่เดียวความเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 38.9 (เมื่อพิจารณาจากปริมาณการขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการในปี2562 โดย Wood Mackenzie)การมีเครือข่ายระบบจัดเก็บและการกระจายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย การเดินหน้าพัฒนาธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)ซึ่งส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดีและความมีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งในและต่างประเทศมีรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงในประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาวอีกทั้งยังมีความสามารถในการขยายธุรกิจสู่ประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดจนมีคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กรนวัตกรรมและความยั่งยืน โออาร์ กล่าวว่า“เราขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่น่าเชื่อถือ พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภคควบคู่กับการสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม”

 ทั้งนี้ โออาร์ ได้วาง 6 กลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจประกอบด้วย (1)รักษาความเป็นผู้นำทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ในประเทศไทย (2)มุ่งส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)สร้างฐานรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร (3)ต่อยอดความสำเร็จ ความชำนาญ เพื่อการขยายตัวสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก (4) เสริมสร้างศักยภาพขยายโอกาสการเติบโตด้วยเทคโนโลยี และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (BigData Analytics) (5) ลงทุนครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี และ (6)มุ่งสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มทั้งประเทศชาติ สังคมชุมชน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานอย่างสมดุล

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน โออาร์ กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันการขยายธุรกิจสำหรับตลาดพาณิชย์การลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าการขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก การลงทุนในธุรกิจต่างประเทศรวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัดบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ30.0 ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองต่าง ๆทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี”

ทั้งนี้ โออาร์ มีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากกลุ่มธุรกิจน้ำมันและมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ(Non-Oil) ที่มีความหลากหลาย ซึ่งมีการเติบโตและอัตรากำไรอยู่ในระดับสูงโดย โออาร์ มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 543,275.7ล้านบาท 592,072.8 ล้านบาท 577,134.0 ล้านบาท 430,341.1 ล้านบาทและ 319,308.4 ล้านบาท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 วันที่ 31ธันวาคม 2561 และวันที่ 31 ธันวาคม 2562และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 และวันที่ 30กันยายน 2563 ตามลำดับ

และมีกำไรสุทธิจำนวน 9,768.7 ล้านบาท 7,851.3 ล้านบาท 10,895.8 ล้านบาท 8,947.5 ล้านบาท และ 5,868.5ล้านบาท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 วันที่ 31 ธันวาคม 2561และวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30กันยายน 2562 และวันที่ 30 กันยายน 2563 ตามลำดับ (ทั้งนี้ข้อมูลสำหรับปี 2560 และ 2561 อ้างอิงจากข้อมูลทางการเงินรวมเสมือนในขณะที่ข้อมูลสำหรับปี 2562 และสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2562 และ 2563อ้างอิงจากงบการเงินรวมตรวจสอบตามกฎหมาย)ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนของ โออาร์ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต.www.sec.or.th และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ โออาร์ ได้ที่https://www.facebook.com/ORofficialTH และ investor.pttor.com