เปิดเส้นทางรวยใน 1 ปี ‘อีลอน มัสก์’ แชมป์เศรษฐีโลกคนใหม่

เปิดเส้นทางรวยใน 1 ปี ‘อีลอน มัสก์’ แชมป์เศรษฐีโลกคนใหม่

ส่องการเติบโตด้านความรวยใน 1 ปีของ “อีลอน มัสก์” เจ้าของธุรกิจรถพลังงานไฟฟ้า “เทสลา” ผู้สร้างความมั่งคั่งได้รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังขึ้นแท่นมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก แทน “เจฟฟ์ เบซอส” แห่งอเมซอน

เมื่อเอ่ยชื่อ “อีลอน มัสก์” นักธุรกิจไฟแรงวัย 49 ปีที่เกิดในแอฟริกาใต้ หลายคนย่อมนึกถึงความเป็นนักคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ และนิสัยที่ตรงไปตรงมาของเขา ถึงแม้อาจดูตรงเกินไปจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลในบางครั้ง

แต่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่น่าประหลาดใจไม่น้อยคือ มูลค่าความมั่งคั่งของมัสก์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เหตุผลหลักมาจากมูลค่าหุ้นของ “เทสลา อิงค์” บริษัทรถพลังงานไฟฟ้าของเขา ที่ทะยานติดลมบนในปี 2563 ซึ่งเป็นปีทองของเทสลาอย่างแท้จริง

ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ขณะที่หุ้นดัง ๆ ส่วนใหญ่พากันร่วงหนัก มีหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่มาแรงกว่าเทสลาซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 900% ในรอบ 1 ปีนับจากเดือน ม.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน

ราคาหุ้นของเทสลาพุ่งเกือบ 8% มาอยู่ที่ราว 816 ดอลลาร์หลังปิดตลาดวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ทำให้ความมั่งคั่งของมัสก์ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เทสลา แซงหน้า “เจฟฟ์ เบซอส” ผู้ก่อตั้งอเมซอน ดอท คอม ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของสหรัฐ ซึ่งครองแชมป์รวยที่สุดในโลกมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560

 

  • มั่งคั่งทะลุ 5 ล้านล้านบาท

ข้อมูลจากดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านบลูมเบิร์กชี้ว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของผู้ก่อตั้งเทสลาและบริษัทสำรวจอวกาศ “สเปซเอ็กซ์” พุ่งไปถึง 1.88 แสนล้านดอลลาร์ในเวลา 10.15 น.ของวันที่ 7 ม.ค. ตามเวลานิวยอร์ก มากกว่ามูลค่าทรัพย์สินของเบซอสถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะลงมาอยู่ที่กว่า 1.85 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่เบซอสลงมาอยู่ที่ราว 1.84 แสนล้านดอลลาร์

หากตีเป็นเงินบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน 30.09 บาทต่อดอลลาร์ (ณ วันที่ 7 ม.ค.) มัสก์มีมูลค่าความมั่งคั่งถึงกว่า 5.56 ล้านล้านบาท ส่วนเบซอส แชมป์เก่า มีความมั่งคั่งกว่า 5.53 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

161005218677

นอกจากนี้ การที่มัสก์นั่งตำแหน่งซีอีโอของสเปซเอ็กซ์ด้วย จึงถือเป็นคู่แข่งสำคัญของเบซอส ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท “บลู ออริจิน” ในอุตสาหกรรมอวกาศ

กว่าจะผงาดขึ้นเป็นคนรวยที่สุดในโลกอย่างวันนี้ ความมั่งคั่งของมัสก์พุ่งทะยานดั่งจรวดของสเปซเอ็กซ์

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 4.5 ล้านล้านบาท) จากราว 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.12 แสนล้านบาท) ตอนเปิดศักราช 2563 ซึ่งขณะนั้นมัสก์ยังไม่ติด 50 อันดับแรกทำเนียบมหาเศรษฐีโลกด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าสั่งสมความมั่งคั่งได้รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

 

  • ปัจจัยหนุนหุ้นเทสลาแกร่ง

แรงหนุนหลักของมูลค่าทรัพย์สินที่พุ่งพรวดของเศรษฐีเทคโนโลยีรายนี้มาจากราคาหุ้นของเทสลาที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนถึง 743% ตลอดทั้งปีที่แล้ว (ม.ค.-ธ.ค. 2563) ขณะที่มีแนวโน้มสูงที่บริษัทจะทำกำไรรายปีเป็นครั้งแรก รวมถึงการนำหุ้นเทสลาเข้าคำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 และความสนใจอันล้นหลามในธุรกิจรถพลังงานไฟฟ้าจากบรรดานักลงทุนวอลล์สตรีทและรายย่อย

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นอเมซอนของเบซอสยังเผชิญกับภาวะขาลงต่อเนื่อง ผลจากรัฐบาลสหรัฐเตรียมออกกฎคุมเข้มยักษ์ใหญ่รายนี้เพื่อป้องกันการผูกขาดตลาด

161012869330

ก่อนนั่งบัลลังก์เศรษฐีเบอร์ 1 โลก มัสก์ได้โค่นตำแหน่งเศรษฐีชื่อดังไปหลายรายด้วยกัน

เมื่อเดือน ก.ค. ปีก่อน เขาแซงหน้า “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซีอีโอบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธะเวย์ ขึ้นเป็นเศรษฐีรวยที่สุดอันดับ 7 ของโลก และเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา มัสก์แซงหน้า “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์เป็นเศรษฐีรวยที่สุดอันดับ 2 ของโลก ซึ่งปัจจุบันมีความมั่งคั่งสุทธิราว 1.32 แสนล้านดอลลาร์

 

  • ค่ายรถมูลค่าสูงสุด แม้ยอดขายไม่แมส

ความเฟื่องฟูของหุ้นเทสลาเกิดขึ้นหลังจากบริษัททำยอดขายรถพลังงานไฟฟ้าเกือบถึงเป้ารายปีที่ 500,000คัน โดยขายได้รวม 499,550 คันในปี 2563 ขาดอีกเพียง 450 คันเท่านั้น แต่ก็ยังถือเป็นยอดขายรายปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของเทสลา

161005219689
- ชาวจีนยลโฉมรถเทสลา รุ่น Model Y ที่โชว์รูมในกรุงปักกิ่ง -

ขาขึ้นของหุ้นเทสลาในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ยังส่งผลให้บริษัทผงาดเป็นผู้ผลิตรถที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกด้วย

ปัจจุบัน มัสก์ถือหุ้นในเทสลาอยู่ประมาณ 21% และมูลค่าตลาดของเทสลาเติบโตมาอยู่ที่กว่า 7.6 แสนล้านดอลลาร์ ช่วงก่อนปิดตลาดวันที่ 7 ม.ค.

มูลค่าตลาดของเทสลานั้นมหาศาลเทียบเท่ากับมูลค่าของ 8 ค่ายรถมูลค่าสูงสุดในโลกรวมกัน ได้แก่ “โตโยต้า” “โฟล์คสวาเกน” “เดมเลอร์” “เจนเนอรัล มอเตอร์” “บีเอ็มดับเบิลยู” “ฮอนด้า” “ฮุนได” และ “ฟอร์ด”

ส่วนยอดขายรถเกือบ 500,000 คันของเทสลาคิดเป็นไม่ถึง 1% ของยอดขายรถรวมทั่วโลก ขณะที่ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า และ โฟล์คสวาเกน คาดว่าจะมียอดขายพอกันราว 9.1 ล้านคันในปี 2563 ลดลงจากประมาณ 11 ล้านคันในปี 2562 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ฉุดตลาดรถยนต์ซบเซา

------------------

อ้างอิง: Bloomberg, CNBC, Express, 9news, Dailykanban