'แผนรับมือโควิด-19'บททดสอบนายกฯญี่ปุ่น

'แผนรับมือโควิด-19'บททดสอบนายกฯญี่ปุ่น

'แผนรับมือโควิด-19'บททดสอบนายกฯญี่ปุ่น ขณะที่กรุงโตเกียวดำเนินการควบคุมโรคโควิด-19 ระบาด ด้วยการขอความร่วมมือร้านอาหารให้เลื่อนกำหนดปิดร้านเร็วขึ้น แต่มาตรการนี้ไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก

นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูกะ ของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมคณะผู้บริหารของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) บอกว่าจะตัดสินใจในวันพฤหัสบดี(7ม.ค.)นี้ว่าควรจะประกาศภาวะฉุกเฉินรอบใหม่ในกรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดใกล้เคียงหรือไม่ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในพื้นที่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งคำพูดนี้ของนายกฯญี่ปุ่นถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19ที่น้อยมากและช้าเกินไป โดยเฉพาะเมื่อญี่ปุ่นจะทำหน้าที่เจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค

เมื่อวันเสาร์(2ม.ค.)ที่ผ่านมา กรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียงอีก 3 แห่งเรียกร้องให้รัฐบาลกลางญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินรอบใหม่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น ซึ่งได้เพิ่มแรงกดดันต่อระบบการแพทย์ในพื้นที่

เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว รัฐบาลกลางญี่ปุ่นเคยประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 มาแล้ว ซึ่งครอบคลุมบางจังหวัดรวมถึงโตเกียวและโอซากาก่อนจะขยายไปทั่วประเทศ จนถึงเดือนพ.ค.จึงได้ยกเลิกภาวะฉุกเฉินดังกล่าว

ปัจจุบัน กรุงโตเกียวดำเนินการควบคุมโรคโควิด-19 ระบาด ด้วยการขอความร่วมมือร้านอาหารให้เลื่อนกำหนดปิดร้านเร็วขึ้น แต่มาตรการนี้ไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก ทำให้ผู้ว่าการกรุงโตเกียวตัดสินใจให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยความหวังว่าจะบังคับใช้มาตรการต่างๆ ได้เข้มงวดกว่าเดิม

จนถึงขณะนี้  รัฐบาลนายกรัฐมนตรีซูกะยังไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ แต่ให้ธุรกิจยุติการให้บริการโดยสมัครใจและจำกัดการเดินทางแทนที่จะใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มงวดเหมือนในยุโรปและสหรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกรงว่าจะสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 17ธ.ค.กรุงโตเกียวยกระดับมาตรการเฝ้าระวังสูงสุดด้วยการขอให้ร้านอาหารและธุรกิจต่าง ๆ ปิดบริการภายในเวลา 22.00 น.

ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดวานนี้ (5ม.ค.)ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มบริษัทขนส่งและกลุ่มค้าปลีก หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินนานนับเดือนในกรุงโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียงในสัปดาห์นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 27,158.63 จุด ลดลง 99.75 จุด หรือ -0.37% โดยหุ้นที่ปรับตัวลงนำโดยกลุ่มขนส่งทางบก, กลุ่มเวชภัณฑ์ และกลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มองว่าการใช้มาตรการที่เน้นจำกัดจำนวนคนอยู่รวมกันจำนวนมากเป็นมาตรการที่ได้ผลที่สุดแต่ไม่ระบุรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึงการปิดสถานบริการต่างๆ อาทิ สนามกีฬา โรงภาพยนต์ และโรงละครด้วยหรือไม่

กระแสความไม่พอใจเกี่ยวกับการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19ของรัฐบาลลามไปทั่วในสื่อสังคมออนไลน์ หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรการรับมือที่เป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะเมื่อญี่ปุ่นจะทำหน้าที่เจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในอีก200 วันข้างหน้า

“คุณคิดว่าจะดับไฟที่คุณปล่อยให้มันลามจนเป็นไฟกองใหญ่ด้วยน้ำถังเดียวได้หรือ?”ผู้ใช้ชื่อว่า ไคอิ โคอิเกะ ตั้งคำถามรัฐบาลซูกะ

ดูเหมือนว่าช่วงฮันนีมูนของซูกะจะสิ้นสุดลงแล้ว เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงในช่วงปลายปี หลังจากที่เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงานสังสรรค์ต่างๆ

เมื่อคืนวันจันทร์ที่14ธ.ค.ปีที่แล้ว นายซูกะ ได้เข้าร่วมรับประทานอาหารที่ร้านสเต็กสุดหรูในย่านกินซ่า กรุงโตเกียว กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพรรคอีก 6 คน ซึ่งทั้งหมดมีอายุมากกว่า 70 ปีและในวันถัดมาคือวันอังคาร(15ธ.ค.) นายซูกะได้พบปะกับนายฮารุยูกิ ทาคาฮาชิ ผู้บริหารของคณะกรรมการจัดงานโตเกียว เกมส์ และผู้บริหารอีก 2 คนจากเครือข่ายทีวีท้องถิ่นที่ร้านสเต็กอีกแห่งหนึ่ง

นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ญี่ปุ่นมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จำนวนกว่า 245,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3,600 ราย ตัวเลขนี้แม้จะน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่จำนวนผู้ติดเชื่้อและผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่นเพราะโรคนี้ก็เพิ่มขึ้นเร็วมาก

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.รัฐสภาญี่ปุ่นออกกฎหมายประกันสิทธิให้แก่ผู้พักอาศัยภายในประเทศฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตกลงกับผู้ผลิตและทดสอบวัคซีนต้านโควิด-19 รายสำคัญของโลกอย่างไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้าเรื่องสั่งจองวัคซีนต้านโควิด-19 เผื่อสำหรับ 145 ล้านคน หรือราว 290 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าอาจใช้งบประมาณราว 6.7 แสนล้านเยน

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าของอังกฤษ และบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐ เพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 รวม 120 ล้านโดสจากแต่ละบริษัทเมื่อพัฒนาสำเร็จ ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นก็กำลังเจรจากับบริษัทโมเดอร์นา ของสหรัฐเพื่อซื้อวัคซีนอีก 40 ล้านโดสหรือมากกว่านั้น

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจัดหาวัคซีนต้านโควิดให้แก่ประชาชนฟรี ประชาชนจะได้รับคำแนะนำอย่างจริงจังให้เข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าว โดยรัฐบาลอาจจะเลือกเสนอฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพไม่สูงมาก และให้ประชาชนตัดสินใจเองว่าต้องการจะฉีดวัคซีนหรือไม่