‘มอร์แกนสแตนลีย์’คาดปี 64 จีดีพีโลกแกร่ง

‘มอร์แกนสแตนลีย์’คาดปี 64 จีดีพีโลกแกร่ง

มอร์แกนสแตนลีย์คาดจีดีพีโลกปี 64 โตแกร่ง 6.4% นำโดยตลาดเกิดใหม่ก่อน ตามด้วยเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเปิดดำเนินการอีกรอบ

มอร์แกนสแตนลีย์ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 64 ไว้เมื่อต้นเดือน ธ.ค.ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและยุโรป ทำให้ยากต่อการระบุว่าเมื่อใดที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ แต่แม้โรคระบาดยังคงอยู่เศรษฐกิจโลกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายังทนทานได้

หลังจากเศรษฐกิจโลกดิ่งลงอย่างหนักเมื่อต้นปี 63 ต่อมาเริ่มฟื้นในเดือน พ.ค. และภายในสิ้นปีนี้ยังคงเดินหน้าสู่ระดับก่อนโควิดระบาด เป็นขั้นตอนสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 64

สำหรับแนวโน้มปี 64 ทีมเศรษฐกิจมอร์แกนสแตนลีย์กล่าวว่า การฟื้นตัวรูปตัววีที่เคยคาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับกลางปี 63 ขณะนี้กำลังเข้าสู่ระยะฟื้นตัวยั่งยืนด้วยตนเองรอบใหม่และเดินหน้าโต 6.4%

“การคาดการณ์นี้ตรงข้ามกับคนอื่นๆ ที่มองว่าเศรษฐกิจโลกโต 5.4% และกังวลว่าโควิดจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการเสี่ยงของภาคเอกชน กระนั้น เศรษฐกิจโลกก็โต เรายืนยันว่าผู้บริโภคขับเคลื่อนการฟื้นตัวและการลงทุนให้เติบโต สะท้อนถึงการยอมรับความเสี่ยงของภาคเอกชน และคุณลักษณะสำคัญของการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนด้วยตนเองก็กำลังฟื้นคืนมาด้วย” เชตาน อาห์ยา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์มอร์แกนสแตนลีย์ให้ความเห็น พร้อมเสริมว่า ปัจจัยสำคัญ 3 ตัวที่จะกำหนดการฟื้นตัวรูปตัววีขั้นต่อไปคือ เศรษฐกิจโลกเติบโตพร้อมๆ กัน ตลาดเกิดใหม่ฟื้นตัว และเงินเฟ้อกลับมา

รายงานระบุด้วยว่า เศรษฐกิจโลกเติบโตพร้อมกันหมายถึงทั้งเขตเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่เร่งความเร็วในปีเดียวกัน ซึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นเพียง 12 ครั้ง ล่าสุดเมื่อปี 2560

ขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เกิดการเติบโตพร้อมกันดังกล่าวเริ่มต้นในไตรมาส 2 ของปี 64 เริ่มต้นจากตลาดเกิดใหม่เป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพีโลกก่อน จากนั้นตลาดพัฒนาแล้วที่พ้นจากการล็อกดาวน์ช่วงฤดูหนาวช่วยเพิ่มแรงส่ง

“ภายในเดือน มี.ค.หรือเม.ย. คาดว่าทุกภูมิภาค ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจโลกจะฟื้นด้วยกัน”อาห์ยากล่าว

สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐทนทานได้ตลอดการระบาด การใช้จ่ายของผู้บริโภคเกือบจะกลับมาสู่ระดับก่อนโควิด ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลของครัวเรือนสหรัฐเฉลี่ยเกินระดับก่อนระบาดไปเมื่อเดือน ก.ย.แม้หลังมาตรการสนับสนุนทางการเงินชุดแรกสิ้นสุดไปแล้วก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้และอื่นๆ ชี้ว่าสหรัฐฟื้นตัวอย่างยั่งยืนแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวอันยากลำบาก คาดปี 64 จีดีพีโต 5.9%

ในยุโรป ที่หลายประเทศเริ่มออกข้อจำกัดมาควบคุมโควิดอีกรอบในเดือน ต.ค. เนื่องจากยอดติดเชื้อพุ่งขึ้นอีกครั้ง คาดว่าเศรษฐกิจจะโตเมื่อเริ่มดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจรอบใหม่ คาดปี 64 จีดีพียุโรปโต 5% ต่ำกว่าที่นักวิิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย

ส่วนตลาดเกิดใหม่ไม่รวมจีนน่าจะเป็นตัวกำหนดการเติบโตของเศรฐกิจโลก

“เขตเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้า เช่น เกาหลีใต้และไต้หวันอยู่ในช่วงฟื้นตัวดีอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเขตเศรษฐกิจใหญ่กว่าที่เน้นอุปสงค์ในประเทศอย่างอินเดียและบราซิล เมื่อเร็วๆ นี้ตัวชี้วัดหลายตัวเกินระดับก่อนโควิด-19 ไปแล้ว และกำลังเข้าสู่การเติบโตเชิงบวกเมื่อเทียบเป็นรายปี” นักเศรษฐศาสตร์มอร์แกนสแตนลีย์กล่าวและคาดว่ากระแสนี้จะต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

ในเวลาเดียวกันตลาดเกิดใหม่จะได้ประโยชน์จากการที่สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของสหรัฐต่ำ ดอลลาร์อ่อน และนโยบายเศรษฐกิจมหภาคแบบผ่อนคลาย เสริมให้จีดีพีตลาดเกิดใหม่ปีนี้โต 7.4% นำโดยอินเดียที่คาดว่าโต 9.8%

ส่วนจีน ประเทศแรกที่สั่งล็อกดาวน์สกัดโควิด ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อการบริโภคกลับคืนมา มอร์แกนสแตนลีย์คาดว่า เศรษฐกิจแดนมังกรจะขยายตัว 9% ในปีนี้