'แรงงาน' ทุ่ม 2.5 หมื่นล้าน ชงของขวัญปีใหม่ผู้ประกันตนเข้า ครม.พรุ่งนี้

'แรงงาน' ทุ่ม 2.5 หมื่นล้าน ชงของขวัญปีใหม่ผู้ประกันตนเข้า ครม.พรุ่งนี้

"แรงงาน"ชงของขวัญปีใหม่ผู้ประกันตนเข้า ครม.พรุ่งนี้ ขยายเวลาลดจ่ายสมทบประกันสังคมเหลือฝ่ายละ 3 % 3 เดือนวงเงินรวม 2.1 หมื่นล้าน พร้อมเพิ่มสงเคราะห์บุตรให้กับแรงงานในระบบประกันสังคมอีก 200 บาทต่อเดือน จาก 600 บาทต่อเดือนเป็น 800 บาทต่อเดือน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานเตรียมเสนอของขวัญปีใหม่ ปี 2564 เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันนี้ (15 ธ.ค.) โดยเตรียมขอขยายลดเงินสมทบประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 3% ของค่าจ้างผู้ประกันตน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ม.ค. - มี.ค.)ซึ่งรวมวงเงินที่ไม่ต้องสมทบให้กองทุนประกันสังคมรวมเป็นเงินประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องจากมาตรการการลดเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน หลังการระบาดของโรคโควิด-19

โดยลดการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตนซึ่งมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดเมื่อพ.ย.2563 คิดเป็นเงินช่วยเหลือสภาพคล่องที่ช่วยผู้ประกันตนไปแล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท

160794412881

นอกจากนี้ยังมีของขวัญปีใหม่ที่ให้ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีบุตรอายุ 0-6 ปี มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มอีก 200 บาทต่อเดือนเป็น 800 บาทต่อเดือน จากเดิมได้รับ 600 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน โดยจะใช้เงินกองทุนประกันสังคมเพิ่มเป็นประมาณ 3,400 ล้านบาทต่อปี และยังขออนุมัติให้เพิ่มเงินค่าคลอดบุตรจากเดิมได้รับ 13,000 บาท ปรับเพิ่มเป็น 15,000 บาท

ด้วย

“ของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงแรงงานจะมอบให้ผู้ประกันตน เป็นการลดเงินสมทบหลังจากมาตรการดควิดสิ้นสุดลงเดือนพ.ย.2563 ผู้ประกันตนจะจ่ายเต็ม หรือ 750 บาทต่อเดือน ในเดือนธ.ค.นี้เดือนเดียว หลังจากนั้น ม.ค.-มี.ค.2564 ผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบเพียง 3% หรือประมาณ 450 บาท ถือว่า 300 บาทต่อเดือนที่ไม่ต้องจ่ายสมทบประกันสังคม ผู้ประกันตนจะได้นำไปใช้ซื้อสินค้าอื่นๆได้ ส่วนเรื่องของมาตรการงบค่าเลี้ยงดูลูกผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 200 บาทต่อคนเป็น 800 บาทต่อคน จากเดิม 600 บาทต่อคน ไปจนถึงลูกผู้ประกันตนอายุ 6 ขวบ เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีลูก”

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการจ้างงานเด็กจบใหม่ดำเนินโครงการรัฐช่วยจ่าย เอกชนช่วยจ่าย จ่ายคนละครึ่ง โดยรัฐจะจ่ายโดยตรงเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยของเด็บจบใหม่ที่ได้งานทำในโครงการนี้ ตามที่มีการระบุไว้ในการลงทะเบียน ซึ่งมีการจำหนดระยะเวลาโครงการไว้ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 30 ก.ย. 2564 เป้าหมาย 2.6 แสนอัตรา ขณะนี้มีการจ้างงานเพียง 1 หมื่นอัตรา ดังนั้นเตรียมหารือกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม(สศช.) เพื่อปรับปรุงระเบียบการจ้างงาน เพื่อดยกเงินช่วยเหลือและสร้างงานให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อไป