ดอลล์แข็งค่าเหตุนลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ดอลล์แข็งค่าเหตุนลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ดอลล์แข็งค่าเหตุนลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัย หลังวิตกผลกระทบโควิด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป (อียู)

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% สู่ระดับ 91.0892

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 104.22 เยน จากระดับ 104.18 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8898 ฟรังก์ จากระดับ 0.8893 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวที่ระดับ 1.2819 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2073 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2103 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3394 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3352 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7436 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7405 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูง อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 15,594,534 ราย และมีผู้เสียชีวิต 293,496 ราย โดยสหรัฐยังคงติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป (อียู) โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ เพื่อจัดการเจรจากับนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู

ทั้งนี้ อังกฤษและอียูยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในหลายประเด็น ซึ่งหากไม่มีการบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะเกิดภาวะ no-deal Brexit ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างอังกฤษและอียู

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.ย.

ด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานพบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.65 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่อัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.5%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน