อัยการ แจงไม่มีอำนาจฟ้อง 'สกุลธร' น้องชาย 'ธนาธร' เหตุคดียังอยู่ในมือตำรวจ

อัยการ แจงไม่มีอำนาจฟ้อง 'สกุลธร' น้องชาย 'ธนาธร' เหตุคดียังอยู่ในมือตำรวจ

อัยการ แถลงชี้แจง ไม่มีอำนาจฟ้อง 'สกุลธร' น้องชาย 'ธนาธร' เหตุ คดีให้สินบนเช่าที่ดินทรัพย์สินอยู่ในมือตำรวจ ล้วงลูกไม่ได้ ระบุ แม้คำพิพากษาจะย้ำถึงการให้สินบนแต่ใช้เป็นหลักฐานฟันธงไม่ได้

นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า สำหรับกรณีที่เป็นข่าวว่าสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ฟ้องนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อครั้งเป็นประธานบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ฐานให้สินบนเพื่อแลกกับสิทธิในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ย่านชิดลม โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าต้นปี 2560 มีนายหน้าไปพบนายสกุลธรเพื่อเสนอที่ดินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปให้เช่า ซึ่งนายสกุลธรให้ความสนใจและติดต่อประสานงานและทำสัญญาว่าจ้างเพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานงาน จากนั้นปรากฎว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสนอให้นายสกุลธรไปยื่นขอเช่าตามปกติและมีการจ่ายเงินงวดแรก 5 ล้านบาทเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อมาเดือนมี.ค.2560 เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ปลอมเอกสารราชการ มอบให้นายหน้าไปให้นายสกุลธรว่าบริษัทเรียลฯ ผ่านคุณสมบัติ แต่บริษัทก็ยังไม่ได้สิทธิการเช่าที่ดินจึงเร่งรัดให้ดำเนินการ ผู้ต้องหาจึงได้ปลอมเอกสารอีกฉบับ จนกระทั่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปตรวจสอบพบจึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องฐานปลอมเอกสาร 

นายอิทธิพร กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจับกุมผู้ต้องหาได้และส่งให้อัยการในปี 2562 ประกอบด้วยผู้ต้องหา 2 คน คือ นายประสิทธิ อภัยพลชาญ อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ นายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช พร้อมกับระบุระบุข้อเท็จจริงในสำนวนว่าในส่วนของนายสกุลธรที่ได้ให้เงินเพื่อจูงใจพนักงานเจ้าหน้าที่โดยไม่ผ่านขั้นตอนปกติเป็นลักษณะของการกระทำผิด จึงทำให้นายสกุลธรไม่เป็นผู้เสียหายนิตินัย ซึ่งเป็นอีกคดีที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป จากนั้นศาลได้พิพากษาให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนมีความผิดตามกฎหมาย 

ดังนั้น จากกรณีดังกล่าวตามที่มีข่าวออกมาว่าพนักงานอัยการไม่ได้ดำเนินคดีกับนายสกุลธรนั้นเนื่องจากนายสกุลธรไมได้เป็นผู้ต้องหา อัยการจึงไม่มีอำนาจสั่งไม่ฟ้องหรือสั่งฟ้องนายสกุลธร นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจ่ายเงินนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากตัวผู้ต้องหาเท่านั้นยังไม่มีการสอบพยานอื่นว่าเป็นความจริงมากน้อยเพียงใดและยังไม่ได้มีการสอบสวนนายสกุลธรว่ามีการจ่ายเงินหรือไม่อย่างไร พนักงานอัยการจึงไม่มีการยื่นฟ้องนายสกุลธร 

โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนได้ให้ความเห็นแล้วว่าประสงค์จะแยกสำนวนนายสกุลธรเป็นคดีต่างหาก ด้วยเหตุนี้อัยการจึงไม่ได้แจ้งให้ดำเนินคดี เพราะอัยการไม่สามารถเริ่มต้นสอบสวนเองได้ ต้องรอพนักงานสอบสวนดำเนินการให้เสร็จและส่งมาให้อัยการก่อน จากนั้นอัยการถึงจะดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป 

ด้าน นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนวนของนายสกุลธรอยู่ในระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนว่าเป็นความผิดทางอาญาฐานให้สินบนหรือไม่ ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจของอัยการ เป็นขั้นตอนของเจ้าพนักงานในแต่ละส่วน โดยในชั้นนี้ยังไม่ได้มีการวินิจฉัยว่าเป็นความผิดหรือไม่ ดังนั้น การที่มีข่าวออกมาว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องนายสกุลธรนั้นจึงเป็นข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน

"ตำรวจกำลังสอบสวนตามขั้นตอนอย่างอิสระเช่นเดียวกับอัยการ เราจะไม่ลงไปสอบถาม ซึ่งจะใกล้เคียงกับการล้วงลูก เราจะไม่ทำเช่นนั้น " นายชาญชัย กล่าว 

เมื่อถามว่า เมื่อในคำพิพากษาระบุถึงการให้สินบนนั้นจะถือเป็นพยานหลักฐานที่อัยการจะนำมาพิจารณาได้หรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า โดยในคำพิพากษาของศาลในคดีก่อนหน้านี้ก็พิพากษาได้เท่าที่มีการกล่าวหาฟ้องร้องกัน เมื่อมีการกล่าวหาแค่เรื่องเรียกสินบนศาลก็พิพากษาได้เท่านั้น ส่วนข้อเท็จจจริงที่ปรากฎในคำพิพากษาเป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนเห็นอยู่แล้ว ดังนั้น เราจะไม่มาเป็นส่วนหนึ่งของพยานหลักฐาน เพราะพนักงานสอบสวนไปตรวจได้อยู่แล้ว