รมว.ศธ.ยันแก้ปัญหาทรงผม

รมว.ศธ.ยันแก้ปัญหาทรงผม

จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดแฮทแท็ก #ทรงผมบังเพื่อน และสังคมเกิดการตั้งคำถามถึงแนวคิดของผู้บริหาร ศธ.ว่า ส่งผลกฎ ระเบียบต่างๆ หรือไม่

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวว่าเรื่องนี้ มองว่าผู้ที่ให้ข้อมูลมีเจตนาที่จะสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้อย่างง่าย และหากว่ามีการสื่อสารที่อาจจะทำให้เกิดประเด็น ก็คงต้องรับฟังเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ซึ่งไม่ได้มีความตั้งใจให้เป็นเรื่องตลกหรืออย่างไร

ด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน ซึ่งเป็น1ในข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียน ที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้นำเรื่องนี้ แก้ไขปัญหาทันที คือ การยกเลิก ข้อ 7  ของระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน .. 2563 และยังได้มีการตั้งคณะทำงานยกร่างระเบียบทรงผมนักเรียนด้วย ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวให้เสนอแนวทางการปรับปรุงระเบียบ ศธ.

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ด้วยการไว้ทรงผมนักเรียนมาให้ตนเองพิจารณาแล้ว ซึ่งคงต้องนำไปหารือร่วมกับฝ่ายปฏิบัติในส่วนของครูและโรงเรียน ว่าแนวทางดังกล่าวสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ และมีข้อกังวลในประเด็นใดไหม อย่างไรดังนั้น ในกระบวนการแก้ไขเรื่องทรงผม และชุดนักเรียนนั้น ตนเองได้มีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง และต้องการให้เข้าใจว่า ศธ.ไม่ได้ละเลยปัญหาทุกๆ เรื่องที่มีการเรียกร้องเข้ามา

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่สำคัญที่สุดในข้อเรียกร้องของนักเรียนนั้น คือ เรื่องหลักสูตรการศึกษา การพัฒนาการศึกษาและอนาคตของการศึกษาไทย ซึ่งตนต้องการให้นักเรียน และผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เราเห็นปัญหาอยู่และจะต้องได้รับการแก้ไข อีกทั้งการศึกษาจะพัฒนาให้ดีนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องทรงผมหรือ เครื่องแต่งกายเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่มีนักเรียนหญิงออกมาแสดงออกถึงเรื่องการถูกล่วงละเมิดภายในโรงเรียนนั้น

นายณัฏฐพล  กล่าวอีกว่า ได้พูดเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องว่า ความปลอดภัยในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญและได้มีกระบวนการป้องกันการคุกคามทางเพศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการปลดออก ไล่ออก ครูที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง และหากว่ายังมีข้อร้องเรียนในประเด็นลักษณะนี้ก็สามารถสื่อสารผ่านช่องทางที่ ศธ. เปิดไว้ได้ ซึ่งจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้ในสถานศึกษาแต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีข้อมูล และไม่ต้องการให้นำประเด็นเหล่านี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะศธ.ไม่ได้ละเลยและสนใจเรื่องนี้มากกว่าในอดีตที่ผ่านมาด้วย