ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘บิทคอยน์’ มีแนวโน้มแทนที่ ‘ทองคำ’

ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘บิทคอยน์’ มีแนวโน้มแทนที่ ‘ทองคำ’

ในอนาคต บิทคอยน์จะสามารถขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

“ผมคิดว่าสกุลเงินคริปโตจะยังคงอยู่ต่อไป ผมคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่คงทน โดยบิทคอยน์เป็นเครื่องมือที่คงทนซึ่งจะสามารถขึ้นมาแทนที่ทอง เพราะบิทคอยน์สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าทอง” นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวเมื่อวันศุกร์ (20 พ.ย.) ขณะที่ บิทคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 18,700 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี

เมื่อเวลา 23.34 น.ของวันศุกร์ตามเวลาไทย บิทคอยน์ดีดตัวขึ้น 856.85 ดอลลาร์ หรือ 4.7% สู่ระดับ 18,742.60 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของคอยน์เดสก์หลังจากแตะ 18,766.79 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2560

ทั้งนี้ บิทคอยน์นับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ โดยพุ่งขึ้นถึง 160% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เมื่อเทียบกับราคาทองที่ดีดตัวขึ้น 24% ในปีนี้ ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ราคาของบิทคอยน์ได้พุ่งขึ้น 17% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2562

บิทคอยน์เคยทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้แตะ 20,000 ดอลลาร์ในเดือน ธ.ค. 2560

“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บิทคอยน์จะแตะ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้” นายไซมอน ปีเตอร์ส นักวิเคราะห์ของอีโทโร กล่าว

การดีดตัวของบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด เช่น พอล ทิวดอร์ โจนส์ และสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ ซึ่งแตกต่างจากในปี 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย

เมื่อเดือนที่แล้ว เพย์พาล ยักษ์ใหญ่ฟินเทคประกาศว่า ทางบริษัทจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการซื้อขายบิทคอยน์ และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ และในช่วงต้นปีหน้าเพย์พาล มีแผนที่จะให้ลูกค้าใช้สกุลเงินคริปโตในการซื้อสินค้าจากเครือข่ายร้านค้าปลีกจำนวน 26 ล้านรายของทางบริษัท

ด้านสแควร์ ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของสหรัฐ เปิดเผยในเดือนที่แล้วว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิทคอยน์มูลค่าถึง 50 ล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้ สแควร์ ได้เปิดให้บริการสกุลเงินคริปโตสำหรับลูกค้าที่ใช้แอพพลิเคชั่นแคชของทางบริษัท

บิทคอยน์ยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ทำให้สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง ซึ่งรวมทั้งดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก

นอกจากนี้ยังมีการมองว่าบิทคอยน์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งนักลงทุนจะแห่เข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตื่นตระหนก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังใช้บิทคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจากการที่รัฐบาลมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ