วันคนโสด ...สะท้อนความแข็งแกร่งของ 'เศรษฐกิจจีน'

วันคนโสด ...สะท้อนความแข็งแกร่งของ 'เศรษฐกิจจีน'

เปิดเหตุผล ทำไม "วันคนโสด" วันที่ 11 พฤศจิกายน จึงกลายเป็นวันมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ไม่เพียงเกิดขึ้นในจีนเท่านั้น แต่ยังขยายไปทั่วโลก และสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะในประเทศจีน

ก่อนหน้านี้ วันที่ 11 พ.ย.เคยเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง แต่ด้วยตัวเลข 1 ที่ดูเหมือนคนไร้คู่ ทำให้นักศึกษาจีนกลุ่มหนึ่งอุปโลกน์ให้วันนี้เป็นเฉลิมฉลองของคนโสด และในปี 2009 วันที่ 11/11 ก็เปลี่ยนไป เมื่อ บริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ได้เปลี่ยนวันคนโสดเป็นโอกาสในการช้อปปิ้ง โดยได้เริ่มเปิดตัวมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ 11:11 ซึ่งในปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 52 ล้านหยวนภายในวันเดียว

หลังจากนั้น วันที่ 11/11 ก็กลายเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่ได้มีเพียง Alibaba เท่านั้น แต่บริษัท E-Commerce อื่นๆ เช่น JD.com และ Pinduoduo ก็เข้าร่วมเคมเปญนี้ด้วย ทำให้มหกรรมช้อปปิ้งวันคนโสดเติบโตทั้งในเชิงยอดขาย จำนวนผู้ใช้งาน จำนวนร้านค้า และได้ขยายไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

ในปี 2020 ท่ามกลางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว แต่ Alibaba สามารถสร้างยอดขายในช่วงวันคนโสดได้ถึงเกือบ 5 แสนล้านหยวน หรือ 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 26% นอกจากนี้จำนวนคำสั่งซื้อยังทำสถิติสูงสุดที่ 583,000 รายการต่อวินาที 

โดยในปีนี้มีผู้ซื้อสินค้ากว่า 800 ล้านราย มีร้านค้าเข้าร่วมราว 5 ล้านร้านค้า และแบรนด์สินค้ากว่า 250,000 แบรนด์ ซึ่งมี 31,000 แบรนด์มาจากต่างประเทศ และที่สำคัญคือ สินค้าจากสหรัฐสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 7.4 หมื่นล้านหยวน ซึ่งสะท้อนว่าสหรัฐยังต้องพึ่งตลาดผู้บริโภคในจีน ด้านบริษัทคู่แข่งอย่าง JD.com ก็สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2.7 แสนล้านหยวน เติบโตถึง 33% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หากมาดูในรายละเอียดพบว่า สินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะเครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์กีฬา สร้างยอดขายเติบโตได้ดีที่สุด ซึ่งหนุนจากกำลังซื้อของชนชั้นกลาง และพบว่ามีร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมเทศกาลวันคนโสดเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตแบบออนไลน์ นอกจากนี้ยอดขายในเมืองเล็กหรือชนบทมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าในเมืองใหญ่ ซึ่งบ่งชี้ถึงการใช้เทคโนโลยีในจีนที่ทั่วถึงยิ่งขึ้น

ยอดขายในวันคนโสดตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของตลาดผู้บริโภคในประเทศจีน ซึ่งสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เผชิญกับวิกฤติโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี หนุนจากกำลังซื้อของประชาชนจำนวน 1,300 ล้านคน และมีชนชั้นกลางจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจจีนปี 2021-2025 ที่เรียกว่า Dual Circulation คือ การเน้นที่เศรษฐกิจในประเทศเป็นแกนหลักเพื่อเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภายนอก ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่เศรษฐกิจจีนถูกขับเคลื่อนจากการภาคการผลิตและส่งออก

หากเทียบกับอีกหนึ่งประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐยอดขายในวันคนโสดสามารถแซงเทศกาลช้อปปิ้งในวัน Black Friday ซึ่งเกิดขึ้นในวันพฤหัสที่ 4 ของเดือน พ.ย. และวัน Cyber Monday ที่เกิดขึ้นในวันจันทร์แรกต่อจาก Black Friday ได้ตั้งแต่ปี 2016 และในปี 2019 ยอดขายในวันคนโสดมีมูลค่ามากกว่ายอดขายในวัน Black Friday และ Cyber Monday รวมกันถึงเกือบเท่าตัว ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของการเปลี่ยนขั้วอำนาจโลก อย่างเช่นด้านการบริโภค

แต่เส้นทางของธุรกิจ E-Commerce ในจีนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะถึงแม้ยอดขายในวันคนโสดจะสูงแบบถล่มทลาย แต่ในวันนั้น ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนกลับปรับตัวลงแรง เพราะแรงกดดันจากข่าวที่ว่าทางการจีนกำลังพิจารณาร่างกฎหมายป้องกันการผูกขาดทางอินเทอร์เน็ตเพื่อปกป้องการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม บางประเด็นได้อยู่ในกฎหมาย E-Commerce ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.2019 ซึ่งได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจน้อยมาก จากยอดขายที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายทั้งศึกในประเทศจากกฎหมายข้อบังคับ รวมถึงศึกนอกประเทศจากสงครามเทคโนโลยีกับสหรัฐ แต่ด้วยสินค้าและบริการจากบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ที่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวจีน ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดต้นทุน อีกทั้งยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่จะเน้นการบริโภคเป็นสำคัญ เราจึงเชื่อว่าการเลือกเฟ้นหุ้นจีนพื้นฐานดี และสอดรับกับกระแสการบริโภคในประเทศที่เติบโตอย่างโดดเด่นนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างขุมทรัพย์ลงทุนระยะยาว