โตสนั่นถุงมือยาง ‘ศรีตรัง ‘ โบรกให้ไปต่อทุบสถิติปี 64

 โตสนั่นถุงมือยาง ‘ศรีตรัง ‘   โบรกให้ไปต่อทุบสถิติปี 64

ปีน้ำขึ้นให้รับโกยของจริงสำหรับ ‘ถุงมือยาง’ ที่สร้างตัวเลขอภินิหารรายได้  กำไร  และราคาหุ้นให้กับ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT  บริษัทลูกของ บริษัท  ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA  

           ทำกำไรทุบสถิติแบบรายไตรมาสจนส่อแววแรงต่อข้ามปีถึง 2564

            ผลประกอบการงวดไตรมาส 3  มีรายได้  8,142 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น  169 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน  มีกำไรสุทธิ  4,401 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น  4,113 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน   กำไรที่ก้าวกระโดดมาจากสถานการณ์แผ่ระบาดโควิด-19 รุนแรงในยุโรปและสหรัฐ   ส่งผลต่อความต้องการถุงมือยาง

            ช่วงดังกล่าวมีปริมาณการขายมากถึง  42.8 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน  ทั้งสินค้าจากถุงมือยางธรรมชาติชนิดที่มีแป้ง (NRPD) ถุงมือยางธรรมชาติชนิดที่ไม่มีแป้ง (NRPF) ที่ร้อยละ 22.9 และถุงมือยางสังเคราะห์ (NBR) ซึ่งสินค้าอย่างหลังมีความต้องการจนดันรายได้เพิ่มถึง  78 % จากไตรมาส 2 ปี 2563

            เมื่อความต้องการเพิ่มสูงจนสินค้าเตรียมส่งมอบข้ามไปถึงปี 2564 ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มราคาขายได้โดยปริยาย   ซึ่งไตรมาส 3 ปี 2563  ราคาขายเฉลี่ย (ASP) อยู่ที่ 1,140 บาทต่อพันชิ้น หรือ  36.3 ดอลลาร์   จากไตรมาส 2 ราคาขายอยู่ที่  658 บาทต่อพันชิ้น หรือ 20.71 ดอลลาร์ และไตรมาส 1 ปี 2563 อยู่ที่ 600 บาทต่อพันชิ้น  หรือ   19 ดอลลาร์                                   

            แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2563 และปี 2563 เป็นที่คาดหวังว่าจะทำตัวเลขกำไรเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง   จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) ได้ปรับฐานกำไรสุทธิปี 2563 ของ STGT  เพิ่มขึ้น  57 % เป็น 9,044 ล้านบาท   เพิ่มขึ้น 1,310 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน  จากเดิมคาด  5,747 ล้านบาท

            ส่วนปี 2564 คาดอยู่ที่ ปรับเพิ่มขึ้นอีก 152  เป็น 15,422  ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 71 %  จากช่วงเดียวกันปีก่อน  จากเดิมมองไว้ 6,132 ล้านบาท   และยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงครึ่งปีแรก 2564 

            จากการขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นไปจนถึงครึ่งปีแรก 2564 อีกประมาณ 3,200 ล้านชิ้น เป็น 35,867 ล้านชิ้นต่อปี   จากสิ้นปี 2563 จะอยู่ที่  32,619 ล้านชิ้นต่อปี   อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าคาดว่าวัคซีนโควิด-19 เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในครึ่งปีแรก 2564 ทำให้อัตราการเติบโตของกำไรอาจจะชะลงได้ และราคาขายถุงมือยางจะกลับมาอยู่ที่ 0.99 บาท ต่อชิ้น จากไตรมาส 3 ปี 2563 ขายอยู่ที่ 1.14 บาทต่อชิ้น  ให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 107 บาท

            เฉพาะตัวเลขที่โบรกเกอร์ให้มุมมองทำให้ราคาหุ้น STGT  มีแรงเก็งกำไรรับข่าวทำให้ราคาหุ้นทำราคาเกิน 90 บาท ก่อนจะตอบรับข่าวและย่อตัวลงมาปิดที่  75 บาท   หากแต่ข่าวหนุนยังไม่หมดหลังจากประกาศงบแล้วบริษัทมาพร้อมข่าวกระตุ้นราคาหุ้นอีกรอบ

            จากผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทประกาศแตกพาร์จาก  1 บาท เหลือ 0.5 บาท แน่นแนว่ามีผลทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก  1,434 ล้านหุ้น เป็น 2,857 ล้านหุ้น  และราคาหุ้นจะลดลงครึ่งหนึ่ง  

บริษัทระบุต้องการ ให้ราคาหุ้นของบริษัทฯอยู่ในช่วงราคาที่เทียบเคียงได้กับบริษัทจดทะเบียนอื่นซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางรายสำคัญในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในหุ้นของบริษัท เป็นการเตรียมพร้อมจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ในอนาคตต

            นอกจากนี้ยังอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมขหุ้นละ 1.25 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งหมดไม่เกิน 1,785  ล้านบาท  ได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 พ.ย. 2563 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9 ธ.ค 2563

            และจากกำไรที่ทำสถิตินิวไฮจึงทำให้บริษัทสามารถนำเงินมาซื้อสินทรัพย์และสิ่งปลูกสร้างในรายการเกี่ยวโยงกับ STA ได้อีก จำนวน 3 รายการ  คิดเป็นมูลค่าการซื้อทั้งหมด 1,336 ล้านบาท  ซึ่งจะกลายเป็นผลดีให้ STA สามารถรับรู้รายการพิเศษเข้ามาในช่วงไตรมาส 4  ปี 2563 จนถึงไตรมาส 1 ปี 2564