'กกพ.' เล็งปรับค่าไฟฐานรับเปิดเสรี

'กกพ.' เล็งปรับค่าไฟฐานรับเปิดเสรี

กกพ.เตรียมประชาพิจารณ์ฟังความคิดเห็นรับอัตราค่าไฟฟ้าฐานใหม่ในปลายปีนี้ ก่อนประกาศใช้ในปี2565 หวังส่งเสริมผลิตไฟฟ้าเสรี รองรับเทรนด์เทคโนโลยีรูปแบบใหม่

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. เตรียมจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มย่อย (Focus Group) เกี่ยวกับการทบทวนปรับอัตราค่าไฟฟ้าฐานใหม่ในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มประกาศใช้ในปี 2565 โดยการพิจารณาปรับค่าไฟฟ้าฐานครั้งนี้ จะมุ่งเน้นตอบโจทย์เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันว่า จะมีผลต่อการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟ้ฟาส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในระยะยาวอย่างไร

อีกทั้ง จะต้องสอดรับกับนโยบายภาครัฐในการเปิดเสรีกิจการไฟฟ้าทั้งระบบ หรือ อาจนำไปสู่การยกเว้นนโยบาย Enhancing Single Buyer ที่กำหนดให้ กฟผ.เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายเดียว ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ซึ่งในส่วนนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐว่าจะกำหนดนโยบายอย่างไร

“การปรับค่าไฟฟ้าฐาน หากจะทำตามรูปแบบเดิมในอดีตก็ไม่ยาก ก็ปรับไปตามสูตรและนำมาหักกลบกับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) ก็จบประกาศใช้ได้เลย แต่การปรับครั้งนี้ จะมีรายละเอียดมากกว่า และต้องรอนโยบายรัฐด้วย"

ดังนั้น จึงต้องจะทยอยรับฟังความคิดเห็นกลุ่มเล็ก เพื่อรวบรวมข้อมูลมาปรับปรุงค่าไฟฐานตลอดทั้งปีหน้า ซึ่งยังมีเวลาดำเนินการ และไม่สามารถระบุว่าได้ว่า ค่าไฟฐานจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งต้องดูตามข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ กกพ.ยังมีแนวคิดที่จะพิจารณาปรับค่าบริการรายเดือน ที่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย คือ กฟภ.และกฟน.เรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 (บ้านอยู่อาศัย) เดือนละ 38.22 บาท โดยจะต้องทบทวนค่าใช้จ่ายต่างๆให้สอดรับกับข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าที่ผ่านมา 2 การไฟฟ้าจะยืนยันว่า ต้นทุนไม่ได้ลดลง แต่ก็ต้องมาพิจารณาใหม่ให้สะท้อนข้อเท็จจริง และอาจดำเนินการควบคู่ไปกับการปรับค่าไฟฟ้าฐาน

นายคมกฤช กล่าวอีกว่า การเปิดเสรีกิจการไฟฟ้าของประเทศ ส่วนตัวยอมรับว่า ตามข้อเท็จจริงแล้วการเปิดเสรีกิจการไฟฟ้า ควรจะต้องดำเนินการควบคู่กับการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ เพื่อเพิ่มการแข่งขันในกิจการไฟฟ้าเสรีอย่างเต็มรูปแบบ