จับตา‘ทียู’ร่วมทุน'ไทยเบฟ'เขย่าตลาดน้ำวิตามิน

จับตา‘ทียู’ร่วมทุน'ไทยเบฟ'เขย่าตลาดน้ำวิตามิน

การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยตื่นตัวในการดูแลตัวเองมากขึ้น หนุนยอดขายสินค้าและบริการหลายชนิดขายดิบขายดี ไล่มาตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรค อย่างหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ กระดาษทิชชูเปียก น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ฯลฯ

ไปจนถึงประกันสุขภาพ โดยเฉพาะประกันโควิด-19 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาพร้อมกับโรคระบาด ปรากฎว่าได้รับกระแสตอบรับดีเกิดคาด ทำยอดขายถล่มทลาย รวมกันทั้งตลาดหลายล้านกรมธรรม์

อีกหนึ่งสินค้าที่กำลังบูมสุดๆ ในช่วงนี้ คือ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยมี “เครื่องดื่มผสมวิตามิน” เป็นสินค้าเรือธง มีผู้ประกอบการทั้งหน้าใหม่หน้าเก่ามากมายกระโดดลงมาเล่น หวังชิงยอดขายหลังดีมานด์เติบโตก้าวกระโดด

ถือเป็นเซกเมนต์ใหม่ในตลาดเครื่องดื่มที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในปีนี้ ด้วยจุดขายที่นอกจากจะช่วยดับกระหายแล้ว ยังใส่สารอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไป เช่น วิตามินซี, วิตามินบี, แคลเซียม ฯลฯ แต่ให้พลังงานและน้ำตาลที่น้อยกว่าเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริงก์ปกติ

เรียกว่าตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันผู้บริโภคตื่นตัวกับการดูแลตัวเองมากขึ้น ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อจะได้ห่างไกลจากเชื้อโรค

ดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินในปี 2563 จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5.5 พันล้านบาท หรือ คิดเป็นสัดส่วนราว 1.2% ของมูลค่าตลาดเครื่องดื่มทั้งหมดที่ 4.45 แสนล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 6-7 พันล้านบาท ในปี 2564

สำหรับบริษัทจดทะเบียนไทยเข้ามาในตลาดนี้กันเยอะ นำโดยบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ส่งเครื่องดื่มวิตามินซี “ซี-วิต” วางตลาดถึง 3 รสชาติ แถมออกสินค้าใหม่ในปีนี้อีกหลายตัว ทั้งวิตามินเจลลี่และเครื่องดื่มแบบกล่องสูตรน้ำตาลน้อย ปัจจุบันครองมาร์เก็ตแชร์เบอร์หนึ่งในกลุ่มเครื่องดื่มวิตามินซีถึง 33.9%

โดยบริษัทยกให้ผลิตภัณฑ์ซี-วิต เป็นพระเอกประจำปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ไว้ถึง 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 100% จากปีก่อน หลังเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10-15% เมื่อกลางปีที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้ผลิตไม่ทันจนสินค้าขาดตลาด

ส่วนน้องใหม่ที่มาแรงไม่แพ้ใคร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ได้จับมือพิธีกรชื่อดัง “วู้ดดี้” วุฒิธร มิลินทจินดา ส่งเครื่องดื่มวิตามินซี “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” ออกสู่ตลาดเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ราว 60 ล้านขวด ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับสอง

ด้านเจ้าพ่อโปรเจคอย่าง “เสี่ยตัน” ภาสกรนที แห่งบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เจ้าพ่อชาเชียวเมืองไทยมีหรือจะพลาด ขอโดดร่วมศึกนี้ด้วยเช่นกัน โดยมองว่าความร้อนแรงของตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีในยุคนี้ เทียบได้กับยุครุ่งเรืองของตลาดชาเชียวเมื่อ 10 ปีก่อน

ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านการผลิตอยู่แล้ว ถ้าไม่เข้ามาคงพลาดโอกาสทองครั้งสำคัญ โดยเปิดตัวสินค้าน้ำดื่มผสมวิตามินซี “อิชิตัน วิตามิน วอเตอร์ ซี พลัส อี” และเครื่องดื่มวิตามินซีสูงแบบช็อต “อิชิตัน วิตซีซี” โดยเลือกใช้ขวด PET ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ใช้ขวดแก้ว เพราะมีเครื่องจักรเดิมอยู่แล้ว และน้ำด่าง “PH PLUS 8.5” ผสมวิตามินบีรวม ตั้งเป้ายอดขาย 3 สินค้าใหม่ในปีนี้ไว้ราว 400 ล้านบาท

ส่วนบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE รุกตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยจับมือบริษัทเครื่องดื่มระดับโลก “ดานอน” ส่งน้ำดื่มผสมวิตามิน “B’lue” เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจรักสุขภาพ และส่งออกไปอีกหลายประเทศ ทั้งกัมพูชา, สปป.ลาว และเกาหลีใต้

อีกหนึ่งดีลที่ต้องติดตามแบบห้ามกระพริบตา คือ การจับมือกันระหว่าง 2 กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่ได้ร่วมทุนกับ “กลุ่มไทยเบฟ” ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 10 ล้านบาท เพื่อร่วมมือผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ

แม้มูลค่าลงทุนดูไม่มากมาย แถมยังไม่มีรายละเอียดว่าจะขายอะไรบ้าง แต่เชื่อว่าด้วยชื่อชั้นของทั้งคู่แล้วไม่ธรรมดา น่าจะช่วยจุดพลุให้สมรภูมิเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพคึกคักมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผลดีย่อมตกกับผู้บริโภค

ถือเป็นปีทองของตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามิน ซึ่งยอดขายของแต่ละแบรนด์ที่เติบโตเกินคาด จะมีส่วนสำคัญในการช่วยประคับประคองผลประกอบการให้พอเอาตัวรอดไปได้ท่ามกลางภาวะวิกฤตแบบนี้