กฟผ. จับมือ TDEM ศึกษาการพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก

กฟผ. จับมือ TDEM ศึกษาการพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก

กฟผ. จับมือ TDEM ศึกษาสนับสนุนการใช้ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่ยานยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ และการจัดการขยะแบตเตอรี่แบบครบวงจร ใน 1 ปี หวังแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสังคมโลก

วันนี้(5ต.ค.) น.ส.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายทัตสึยะ ฮายาคาวะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน เพื่อผนึกกำลังความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยกับหน่วยงานภาคเอกชนชั้นนำระดับโลก ในการพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำ ตอบสนองต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

160189370752

น.ส.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า นอกจากการคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในภาคการผลิตไฟฟ้าภาพรวมของประเทศ กฟผ. ยังให้ความสำคัญกับหลักคิด ‘การพัฒนาอย่างยั่งยืน’ ในการสนับสนุนและส่งเสริมสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ และก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วมศึกษา ระหว่าง กฟผ. และ TDEM ในการพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ครอบคลุมการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

โดยจะร่วมกันศึกษาจุดติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่ศักยภาพรองรับนโยบายการส่งเสริมการขนส่งสีเขียว และศึกษาการจัดการขยะแบตเตอรี่แบบครบวงจร ด้วยวิธี 3 R : Rebuilt Reuse และ Recycle ในกรอบระยะเวลา 1 ปี เพื่อศึกษาโอกาสทางธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการบริหารทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวทางเศรษฐกิจ ซึ่งผลการศึกษาจะนำไปสู่การขยายผลที่เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อองค์กร ประเทศชาติ และประชาชนต่อไป

นายทัตสึยะ ฮายาคาวะ รองประธานกรรมการบริหาร TDEM กล่าวว่า โตโยต้าเป็นหนึ่งในองค์กรที่ขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า 2050 การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสมรุ่นใหม่ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์หนึ่งในเป้าหมายที่โตโยต้าให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการ

ในอีกทางหนึ่งก็ต้องมั่นใจว่าขยะแบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่หมดอายุการใช้งานต้องได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายส่วนทั้งภาครัฐและสังคม