'จตุพร' เชื่อเดือนก.ย.สถานการณ์สุกงอม หวั่นฉีก 'รัฐธรรมนูญ' อีกรอบ

'จตุพร' เชื่อเดือนก.ย.สถานการณ์สุกงอม หวั่นฉีก 'รัฐธรรมนูญ' อีกรอบ

การเมืองถึงทางตัน! "จตุพร" เชื่อเดือนก.ย.สถานการณ์สุกงอม คาดมีจุดเปลี่ยน หวั่นฉีก "รัฐธรรมนูญ" กันอีกรอบ

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวตอนหนึ่งในการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้จริงๆแล้วตนอยากบอกว่าเรื่องการ "แก้ไขรัฐธรรมนูญ" ที่ยังคงมีประเด็นออกไป 2 แนวทาง คือจะแก้ไขในส่วนของมาตรา 256 ยกเว้นหมวดที่ 1-2 หรือจะแก้ไขมาตรา 272 ปิดสวิตช์ส.ว.  อย่างไรก็ตามการแก้ไขมาตรา 256 นั้นเหมือนเป็นการสับคัทเอาท์ แต่เนื่องจากบทเรียนตอน "แก้ไขรัฐธรรมนูญ" ในช่วงปี 2550 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทั้งฉบับ ดังนั้นเพื่อจะได้มีภูมิต้านทานและลดการต่อต้านด้วยประการใดๆทั้งปวง หรืออาจแปรเจตนาไปในทางที่ผิดก็ยกเว้นหมวด 1 และ 2 เอาไว้

"ในฐานะที่อยู่ในวงการเมืองมานาน ติดตามสถานการณ์ หากสถานการณ์สุกงอมในวันที่ 19 กันยายนนี้ เชื่อว่าทั้งสองมาตรา จะไม่ได้รับการแก้ไข ผมไม่ได้หวงมาตรา 272 เรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. เพราะหาก "แก้ไขรัฐธรรมนูญ" มาตรา 256 ก็เท่ากับทุบคัทเอาท์ทิ้ง แต่หมายความว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะไปทุกคัทเอาท์ทิ้งหรือจะปิดสวิตช์ ท้ายที่สุดคนจะมาพังหม้อแปลงขนาดใหญ่เสียก่อน ก็คือ การยึดอำนาจ และการยึดอำนาจในคราวนี้ คณะที่เตรียมการนั้นรออย่างใจจดใจจ่อ ขณะเดียวกันการขับเคลื่อนต่างๆนั้นก็หาเหตุผลรองรับ เพราะในโลกสื่อสารไร้พรมแดนนั้นจะไม่ง่ายเหมือนในอดีตเนื่องจากทุกคนเป็นเจ้าของสื่อ หากยังไม่สามารถควบคุมการสื่อสารได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้นจะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับประเทศตุรกี ใช้ Facebook จัดการกับคณะรัฐประหารได้อย่างราบคาบ

แต่อย่างไรก็ตามตัวเลือกในการทำรัฐประหารในประเทศไทยนั้นไม่เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นกับประเทศเหล่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการไปปิดสื่อแม้กระทั่งการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แต่ปัจจุบันไม่สามารถทำแบบเดิมได้อีก เพราะประชาชนมีโซเชียลมีเดียไว้ต้านคณะรัฐประหาร และสถานการณ์ขณะนี้ก็ถือว่าเปราะบาง เนื่องจากทุกอย่างเริ่มถึงทางตัน และหากโควิด-19 ระบาดอีกครั้งประเทศไทยก็จะยากในการต่อสู้ทางเศรษฐกิจ"

นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากนี้ไปทุกอย่างตนยังเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นภายในเดือนนี้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ชนิดที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพราะไม่มีฝ่ายใดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้แม้แต่ฝ่ายเดียว และนี่เป็นปรากฎการณ์ครั้งใหม่ที่แต่ละฝ่ายต้องคิดว่า ทั้งกระดานนี้ไม่มีใครเบ็ดเสร็จได้ เพียงแต่ใครจะมีความชอบธรรมมากกว่าใคร

อย่างไรก็ ตามวันนี้จะมีการขับเคลื่อนอะไรก็ตาม ซึ่งแต่ละฝ่ายก็คิดและรอวันที่ 19 กันยายนนี้ว่า จะลงมือก่อนวันที่ 19 หรือวันที่ 19 หรืออาจจะหลังวันที่ 19 แต่เชื่อว่า รัฐธรรมนูญจะไม่ได้แก้แม้แต่เพียงมาตราเดียว และลงท้ายด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญเช่นเดิม