ครม.ต่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ‘สำนักงานธนานุเคราะห์’ อีก 2 ปี

ครม.ต่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ‘สำนักงานธนานุเคราะห์’ อีก 2 ปี

ครม.อนุมัติต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี "สำนักงานธนานุเคราะห์" วงเงิน 500 ล้านบาท ออกไปอีก 2 ปี เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนกิจการให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง 

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63  นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดระยอง (ครม.สัญจร) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ว่า ครม.อนุมัติต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท ของ "สำนักงานธนานุเคราะห์" (สธค.) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 กันยายน 2563 ออกไปอีก 2 ปี คือ เริ่ม 1 ตุลาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเป็นเงินทุนสำรองสำหรับหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ 

ความจำเป็นการต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีในครั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินงานของ "สำนักงานธนานุเคราะห์" เป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประสบปัญหาเฉพาะหน้าด้านการเงิน โดยให้บริการรับจำนำ ซึ่งไม่สามารถกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนได้ จึงทำให้ สธค. มีความเสี่ยงในการขาดสภาพคล่องในบางช่วงเวลา อีกทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยต้องการใช้เงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ดังนั้น สธค. จึงจำเป็นต้องมีเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับหมุนเวียนรับจำนำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 และสามารถรองรับการดำเนินงานในการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวได้รับการบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติไปแล้วเมื่อ 18 สิงหาคม 2563


นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การกู้เงินประเภทเบิกเงินเกินบัญชีนั้น หาก "สำนักงานธนานุเคราะห์" ไม่ได้เบิกมาก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ประกอบกับ สธค. มีความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำส่งเงินรายได้แผ่นดินตามที่กระทรวงการคลังกำหนด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทางการเงินการคลังของรัฐบาลในภาพรวม ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายนนี้