ตำรวจเตรียมเอาผิดกลุ่มวัยรุ่น 2 ฝ่ายทำร้ายร่างกาย ใน รพ.ย่านสมุทรปราการ

ตำรวจเตรียมเอาผิดกลุ่มวัยรุ่น 2 ฝ่ายทำร้ายร่างกาย ใน รพ.ย่านสมุทรปราการ

รองโฆษก ตร. เผยเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุ เตรียมเอาผิดดำเนินคดีทั้ง 2 กลุ่มทำร้ายร่างกายภายในโรงพยาบาลย่านสมุทรปราการ เผยพฤติกรรมไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง กระทบการทำงานแพทย์-เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ต้องดำเนินคดีถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 63 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าวกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันภายในเมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินของทางโรงพยาบาลได้รับความเสียหาย ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ ว่าเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุกลุ่มบุคคลยกพวกทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด บริเวณวินส้ม ซอยโรงเหล็ก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันปราบปรามและชุดสืบสวน

จากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มคู่กรณีทั้งสองกลุ่มได้นัดเคลียร์ปัญหากัน แต่ตกลงกันไม่ได้จึงเกิดการทะเลาะวิวาท ชุลมุนต่อสู้กัน ทำให้มีได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ต่อมาได้เสียชีวิต และอีก 2 ราย ถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย และ โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์

ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. กลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิต ที่โรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ประมาณ 15-20 คน เกิดความไม่พอใจและรู้ว่ากลุ่มคู่อีกฝ่ายได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย จึงยกพวกกันมาล้างแค้น โดยใช้ไม้ เก้าอี้ ทำร้ายกลุ่มเพื่อนที่มาดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพรายได้รับความเสียหายแล้วหลบหนีไป

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับทั้ง 2 กลุ่มในความผิดฐาน “ร่วมกันชุลมุนต่อสู้กัน เป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ” และดำเนินคดีกับกลุ่มที่ยกพวกมาทำร้ายภายในโรงพยาบาล ในความผิดฐาน “ร่วมกันบุกรุกสถานพยาบาลในยามวิกาล, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ”

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวนั้น ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะอาจกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ที่อยู่ระหว่างการช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยรายอื่นหรือทำให้ทรัพย์สิน อุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลได้รับความเสียหายได้ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือประชาชนรายอื่น ที่เข้ามาใช้บริการภายในโรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดทุกราย

ดังนั้น การจะทำสิ่งใดขอให้มีสติ และใช้วิจารณญาณก่อนจะลงมือกระทำ เพราะเมื่อกระทำไปแล้วอาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ประกอบกับที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับไปยังทุกกองบัญชาการ และได้เน้นย้ำมาโดยตลอด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุด่วน เหตุร้ายอาชญากรรมในทุกมิติ พร้อมประสานการปฏิบัติกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการหาความร่วมมือในการป้องกันเหตุ

ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ว่า การใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา อาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และนำไปสู่การละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง นอกจากจะส่งผลเสียต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว อาจถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งทำให้ทั้งเสียเวลาและมีประวัติตามมา