'ยูเอ็น' เตือนหยุดสร้าง 'ความเกลียดชัง' ช่วงระบาดโควิด

'ยูเอ็น' เตือนหยุดสร้าง 'ความเกลียดชัง' ช่วงระบาดโควิด

“เลขาธิการยูเอ็น” เตือนหยุดสร้าง “ความเกลียดชัง” ในช่วงระบาดโควิด-19 เหตุพบคนเอเชียถูก ทำร้ายร่างกายกว่า 1,000 คดีในสหรัฐ

นายอันโตนิอู กูแตเรช  เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เรียกร้องให้ยุติการสร้างความเกลียดชัง โดยมุ่งเป้าไปที่การเหยียดเชื้อชาติ ด้วยการเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) 

“การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป และได้ก่อคลื่นสึนามิแห่งความเกลียดชัง และเกลียดกลัวชาวต่างชาติ เข้าทำลายล้างสร้างความแตกแยกให้สังคม” เลขาฯยูเอ็นกล่าว 

ทั้งนี้ นายกูแตเรช ไม่ได้กล่าวถึงประเทศใดเป็นการเฉพาะ แต่การปล่อยข่าวลือของคนบางกลุ่มได้สร้างความหวาดกลัวคนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งตามท้องถนน และบนโลกออนไลน์ เหตุนี้ทุกประเทศต้องช่วยกันหยุดยั้งพฤติกรรมดังกล่าว 

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เลขาฯยูเอ็นได้ออกมากล่าวเตือน ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ปลุกกระแสความเกลียดชังคนเอเชียทั้งในสหรัฐ และยุโรป ช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกทั้งมีคนเอเชียจำนวนมากถูกทำร้ายร่างกายเพิ่มมากขึ้น 

เว็บไซต์ Racismiscongtagious.com รายงานสถิติในการติดตามกระแสการทำร้ายและเหยียดคนเอเชียในสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. จนถึงวันที่ 6 พ.ค. พบว่า มีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายจากการสร้างความเกลียดชังคนเอเชียมากถึง 1,497 กรณี ในจำนวนนี้เกิดขึ้นในธุรกิจห้างร้านถึง 44% โดยเหยื่อ 69% เป็นผู้หญิงชาวเอเชีย