ศึก ‘ฮันจินกรุ๊ป’ วัดอนาคตแชโบล

ศึก ‘ฮันจินกรุ๊ป’ วัดอนาคตแชโบล

"ฮันจินกรุ๊ป" กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ซึ่งมีกิจการในมือมากมาย กำลังเผชิญกับศึกสายเลือดภายในองค์กรระหว่างสองพี่น้องทายาทผู้ก่อตั้งบริษัทเพื่อช่วงชิงอำนาจบริหาร และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของแชโบล หรือธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ของแดนโสมขาว

“โช ยุนอา” คุณหนูถั่วเดือด ทายาทโคเรียนแอร์ ผู้เคยสร้างวีรกรรมสั่งให้เครื่องบินหันหัวกลับเพราะไม่พอใจการเสิร์ฟถั่วของแอร์โฮสเตส ตอนนี้ได้เธอได้รับแรงหนุนจากผู้ถือหุ้น ท้าทายน้องชายแข่งกันมีอำนาจคุมสายการบิน ศึกสายเลือดครั้งนี้ตอกย้ำว่า แชโบลของเกาหลีใต้ปฏิรูปได้ยาก

โช ยุนอา วัย 45 ปี ทายาทเจ้าของฮันจินกรุ๊ป ที่มีกิจการมากมายรวมทั้งสายการบินโคเรียนแอร์ เคยตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เรื่องที่เธอโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะได้รับแมคคาเดเมียบรรจุถุงเป็นของว่างในชั้นเฟิร์สคลาส แทนที่แอร์โฮสเตสจะใส่จานเสิร์ฟมาให้ จนเธอต้องบังคับให้เครื่องบินกลับไปยังสนามบินหลังจากนั้นไม่นานพี่น้องตระกูลโชก็มีเรื่องทำร้ายลูกน้องออกมาเป็นระลอกๆ ตระกูลนี้มั่งคั่งที่สุดในแดนโสมขาว

1584739022100
โช ยุนอา ทายาทโคเรียนแอร์ เจ้าของฉายาคุณหนูถั่วเดือด (รูปเมื่อปี 2558) -

แต่ตอนนี้ยุนอากำลังท้าทาย “โช วอนแต” น้องชาย วัย 44 ปี ที่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของแชโบล หรือธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 12 ของโลก

ยุนอาผนึกกำลังกับ “โคเรีย คอร์ปอเรท กัฟเวิร์นแนนซ์ อิมพรูฟเมนท์” (เคซีจีไอ) กองทุนรวมอันทรงพลังที่เชื่อว่า การจัดการแชโบลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพ สร้างปฏิสัมพันธ์กับพนักงานได้ดีขึ้น และผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้น

โช วอนแตรับตำแหน่งประธานฮันจินคาล บริษัทโฮลดิงในเครือต่อจากโช ยังโอ ลุงผู้เสียชีวิตเมื่อปีก่อน แต่ลี ซุงฮุน ประธานฝ่ายธุรกิจโลกของเคซีจีไอมองต่าง “แค่เกิดมาเป็นหลานผู้ก่อตั้งใช่ว่าจะบริหารบริษัทได้”

แชโบลหลายแห่งมีหุ้นในบริษัทของตนไม่มากนัก แต่กลับมีอำนาจควบคุมอาณาจักรธุรกิจอันกว้างใหญ่มีบริษัทลูกมากมาย แถมยังดันคนในครอบครัวขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารอย่างรวดเร็ว

158473922723
- โช วอนแต น้องชายของยุนอา ปัจจุบันเป็นประธานบริษัทฮันจินคาลและสายการบินโคเรียนแอร์ (รูปเมื่อปี 2562) -

“หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาเป็นเจ้าของกิจการทั้ง 100%” ลีกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

ฮันจินกรุ๊ปมีปัญหามานานแล้วตั้งแต่ก่อนไวรัสโคโรนาระบาดส่งผลกระทบถึงสายการบินทั่วโลก บริษัทลูกอย่างฮันจิน ชิปปิง ที่เคยเป็นบริษัทเดินเรือขนส่งสินค้ารายใหญ่ระดับ 1 ใน 10 ของโลก ต้องล้มละลายในปี 2560

ลีจากเคซีจีไอ ผู้กล่าวหาว่า โช วอนแต ทำผิดพลาดทางกลยุทธ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผยว่า โคเรียนแอร์ขาดทุน 1.74 ล้านล้านวอน (1.4 พันล้านดอลลาร์) เมื่อฮันจิน ชิปปิง ล้มละลาย ฮันจิงกรุ๊ปขายหุ้นดีในโรงกลั่นน้ำมันเอสออยล์ คอร์ปอเรชัน ที่เป็นกิจการมีกำไรออกไปในราคาถูก เพื่อพยายามพยุงตัวเอง

ในทัศนะของลี ฮันจินก็เหมือนแชโบลอื่นๆ ที่ผู้บริหารระดับสูงสุดขัดแย้งกันได้ทุกเรื่อง

“จากโครงสร้างการบริหารภายใต้ผู้นำชุดปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้เลยที่คณะกรรมการบริหารอิสระจากภายนอกจะปฏิเสธคำสั่งได้”

ฮันจินก็พยายามลดเสียงวิจารณ์ลง ประกาศว่าจะพิจารณาขายโครงการหลักที่ไม่ทำกำไรออกไป เช่น โรงแรม และกล่าวหาโช ยุนอา, เคซีจีไอ และพวกเก็งกำไรว่า กำลังทำให้ความอยู่รอดของโคเรียนแอร์สุ่มเสี่ยงในช่วงเวลาวิกฤติอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แถลงการณ์จากฮันจินยืนยันชัด “ไม่มีใครไม่เห็นด้วยว่าโช วอนแต เป็นนักธุรกิจที่เหมาะสมที่สุดในช่วงวิกฤติไวรัสโคโรนา เขาแสดงให้เห็นแล้วว่ามีผลงานการบริหารธุรกิจอย่างเยี่ยมยอด”

ตอนนี้การต่อสู้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ในการประชุมประจำปีของฮันจิน คาล สัปดาห์หน้า ที่จะตัดสินอนาคตของโช วอนแต ฝ่ายโช ยุนอา, เคซีจีไอ และบันโอ เอ็นจิเนียริงแอนด์คอนสตรัคชัน พันธมิตรอีกราย มีเสียงรวมกัน32.03%

ขณะที่ฝ่ายโช วอนแตได้แรงหนุนจากสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูล รวมทั้งเดลตาแอร์ไลน์ พันธมิตรจากสหรัฐของโคเรียนแอร์ รวมกันแล้วมีเสียง 32.45%

ที่ผ่านมาแชโบลมีบทบาทสำคัญหนุนให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็ว แล้วขยายกิจการเข้าไปในทุกธุรกิจ จนตอนนี้แชโบลถูกกล่าวหาว่าปิดโอกาสบริษัทขนาดเล็กและบ่อนทำลายนวัตกรรม พร้อมๆ กับคอนเนคชันทางการเมืองก็ถูกครหามากขึ้นทุกที อย่างกรณีลี แจยองจากซัมซุงถูกจำคุกเพราะไปพัวพันกับการทุจริต ที่ทำให้ประธานาธิบดีปัก กึนเฮต้องหลุดจากตำแหน่ง

สิ่งที่เคซีจีไอพยายามทำกับฮันจินนั้น คิม แดจอง อาจารย์สอนธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเซจองในกรุงโซล มองว่า เป็นการส่งสารอันทรงพลังไปถึงแชโบลทุกตระกูล

“นั่นคือสัญญาณเตือนไปถึงแชโบลว่า ถ้าพวกเขายังจัดการให้เหมาะสมไม่ได้ และมีพฤติกรรมต่อต้านผลประโยชน์โดยรวมของผู้ถือหุ้น แชโบลก็จะถูกริบอำนาจไปด้วยพลังผู้ถือหุ้น การกระทำของเคซีจีไอเป็นความเคลื่อนไหวอย่างถูกต้องถูกเวลา”

แต่ภายในตระกูลโชเองก็แตกแยกกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงของฮันจิน พันธมิตรสายกบฏต้องการให้ตั้งอดีตประธานเอสเคเทเลคอมรายหนึ่งขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารสูงสุด โดยลีปฏิเสธว่าโช ยุนอา ไม่ได้ต้องการกลับมาเป็นผู้บริหาร

“หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่นาน โชเห็นด้วยกับพวกเราว่าฮันจินจำเป็นต้องใช้มืออาชีพบริหาร”