Circuit Breaker ไม่ช่วย! หุ้นสหรัฐยังร่วงต่อหลังพักซื้อขาย

Circuit Breaker ไม่ช่วย! หุ้นสหรัฐยังร่วงต่อหลังพักซื้อขาย

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนักช่วงเปิดซื้อขายวันจันทร์ (16 มี.ค.) ทำให้ต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker พักการซื้อขายชั่วคราว แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตรการครั้งใหญ่ในการประชุมฉุกเฉินวานนี้ (15 มี.ค.) แต่หลังกลับมาซื้อขายอีกครั้ง หุ้นยังดิ่งต่อเนื่อง

หลังจากเปิดตลาดได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์อยู่ที่ 20,935.16 จุด ลบ 2,250.46 จุด หรือ 9.71% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ทรุดตัวลงกว่า 8% เนื่องจากนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีการใช้ระบบ Circuit Breaker พักการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที

อย่างไรก็ตาม หลังกลับมาซื้อขายอีกครั้งผ่านไปเพียง 25 นาที ดัชนีดาวโจนส์อยู่ที่ 20,669.42 จุด ลดลง 10.9% หรือราว 2,500 จุด

ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 10.6% มาอยู่ที่ 2,422.69 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 10.5% แตะ 7,051.77 จุด

การที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทใช้มาตรการพักการซื้อขายครั้งนี้ ถือเป็นการใช้ครั้งที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากมีการใช้ 2 ครั้งในสัปดาห์ที่แล้วเพื่อพักการซื้อขายชั่วคราว โดยตามกฎระเบียบของวอลล์สตรีทจะมีการใช้ circuit breaker ใน 3 กรณี ดังนี้ 

1. หากดัชนี S&P 500 ติดลบ 7% จะมีการระงับการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที

2. หากดัชนี S&P 500 ติดลบ 13% จะมีการระงับการซื้อขายต่อไปอีก 15 นาที

3. หากดัชนี S&P 500 ติดลบ 20% จะมีการระงับการซื้อขายตลอดทั้งวัน

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ และได้ประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางระดับโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางข้อตกลงสว็อประหว่างธนาคารกลาง