ททท.ชูกลยุทธ์‘ซ่อมสร้าง’ รอจังหวะท่องเที่ยวรีบาวด์

ททท.ชูกลยุทธ์‘ซ่อมสร้าง’ รอจังหวะท่องเที่ยวรีบาวด์

“ททท.” งัดกลยุทธ์สู้วิกฤติโควิด-19 ฉุดท่องเที่ยวขาลง เร่ง “ซ่อมสร้าง” ท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน เสริมความมั่นใจทัวริสต์รอจังหวะรีบาวด์รวดเร็ว พร้อมโปรโมทตลาดไทยเที่ยวไทย ขับรถเที่ยวในรัศมี300กิโลเมตร

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วงท่องเที่ยวขาลงหลังเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ลามหนักทั่วโลก นอกเหนือจากภารกิจหลักของรัฐบาลที่เร่งทำให้ประเทศไทยปลอดเชื้อโควิด-19แล้ว สิ่งที่ ททท.จะทำคือสนับสนุนให้มีการซ่อมสร้าง (Rebuild)อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และลดความหนาแน่นของผู้โดยสารในสนามบิน

ผ่านแนวทางดำเนินงาน “3A” เพื่อก้าวข้ามวิกฤติสู่ท่องเที่ยวยั่งยืน ได้แก่1.Active Communicationสื่อสารเชิงรุกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางอย่างมั่นใจ2.Alternative Marketingใช้การตลาดทางเลือก ไม่ใช่แค่ลดราคาเพียงอย่างเดียว พร้อมหารายได้จากตลาดใหม่ๆ และ3.Sustainability Attributesสร้างความยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เช่น การปรับสมดุลรายได้ท่องเที่ยวระหว่างตลาดในและต่างประเทศ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนรายได้ตลาดไทยเที่ยวไทยให้มีบทบาทมากขึ้น จากปัจจุบันครองสัดส่วน1ใน3ให้เพิ่มเป็น40-50%ในอนาคต เหมือนกับโครงสร้างตลาดของท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่มีสมดุลรายได้จากตลาดในประเทศที่แข็งแรง

สำหรับตลาดในประเทศ เมื่อดูจากSentimentหรืออารมณ์การเดินทาง หลังสำรวจพฤติกรรมการสืบค้นของคนไทยจาก5คีย์เวิร์ด ได้แก่ เที่ยว โคโรน่า สงกรานต์ ฝุ่น และCoronaเมื่อวันที่13-20ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าคนไทยสืบค้นคำว่า เที่ยว มากที่สุด แสดงว่าคนไทยมีความกังวลเรื่องไวรัสและฝุ่นที่ลดลง และยังคงมีความต้องการที่จะท่องเที่ยวอยู่ นับเป็นสัญญาณที่ดีในการส่งเสริมตลาดไทยเที่ยวไทย ททท.จึงโปรโมทการเดินทางด้วยรถยนต์ในระยะใกล้ รัศมีไม่เกิน300กิโลเมตร เพราะช่วงนี้คนไทยอาจกังวลเรื่องการขึ้นเครื่องบินทำให้โดยสารทางอากาศน้อยลง

“อีกสิ่งสำคัญคือการช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้สามารถเอาตัวรอดได้ ทำให้ภาคธุรกิจเดินได้ในช่วง 3-6 เดือนนี้ เพราะไม่มีธุรกิจรายไหนอยากเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนแรงงานในภาคท่องเที่ยวกว่า3.2ล้านคน ภาคเอกชนท่องเที่ยวตอนนี้จึงอยู่ในภาวะช็อก เหมือนกับทุกคนนั่งเรือและกำลังสนุกกับการทำรายได้ แต่เรือกลับชนโขดหินจนตกลงไปในน้ำ สิ่งที่ต้องการอย่างแรกคือห่วงยางมาช่วยให้รอดระหว่างรอความช่วยเหลือจากเรือใหญ่” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

สำหรับสถานการณ์เข้าพักของโรงแรมและที่พักในไทยเมื่อเดือน ก.พ.2563ซึ่งเริ่มติดลบ พบว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่63.25%ลดลง11.75%,ภาคกลาง67.93%ลดลง12.36%,ภาคตะวันออก65.11%ลดลง8.54%,ภาคเหนือ52.58%ลดลง12.99%,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ64.28%ลดลงเล็กน้อย0.29%และภาคใต้63.86%ลดลง15.86%