EPCO โชว์ปี 62 กำไรโต 90% อยู่ที่ 651 ล้าน พร้อมปันผล 0.20 บาท

EPCO โชว์ปี 62 กำไรโต 90% อยู่ที่ 651 ล้าน พร้อมปันผล 0.20 บาท

EPCO ปี 62 กำไรสุทธิ 651.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อน เหตุรายได้รวมโต -มีกำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าเวียดนามกำลังผลิต 525 เมกะวัตต์ พร้อมปันผล 0.20 บาท กำหนดจ่าย 15 พ.ค.นี้ เตรียมย้ายไปหมวดพลังงาน-ศึกษาออกกองทุนอินฟราฟันด์ มั่นใจปี 63 โตต่อเนื่อง

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือEPCOเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 651.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีรายได้รวมเท่ากับ 1,530.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ รับรู้กำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 525 เมกะวัตต์ ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งดำเนินธุรกิจโดยบริษัท เวิลด์ พริ้นติ้ง แอนด์ แพ็คเกจจิ้ง หรือ WPP ซึ่งได้เริ่มผลิตกล่องในเดือนตุลาคม 2562 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง จากกระแสธุรกิจออนไลน์ที่มีการเติบโตสูง และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นถุงกระดาษ และผลิตภัณฑ์ Bio-Degradable เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเติบโตได้ต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำงวดปี2562ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท และกำหนดปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2563 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ซึ่งจะมีการนำเสนอให้พิจารณาในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563
       รวมถึงให้พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เปลี่ยนชื่อบริษัทจากบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด(มหาชน)หรือEPCO เป็น บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ ชื่อย่อ EP เนื่องจาก บริษัทฯมีรายได้และกำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้ามากกว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์มาตั้งแต่งวดไตรมาส2/2560 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาการย้ายหมวดธุรกิจจากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหมวดพลังงาน และจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อใหม่ทันที

ขณะเดียวกันพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ของบริษัทย่อยโดยให้ทำประมาณการการลงทุนไว้ พร้อมกับให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน(IFF) เพื่อระดมทุนในอนาคต เพราะที่ผ่านมามีสถาบันทั้งใน และต่างประเทศให้ความสนใจจำนวนมาก

นายยุทธกล่าวต่อว่า แผนธุรกิจปี2563 บริษัทฯ มั่นใจว่ายังคงรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโครงการต่าง ๆ ที่ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD)ในช่วงปีที่ผ่านมา และจะสามารถรับรู้ได้เต็มปี ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้เป็นอย่างดี โดยริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละโครงการ ซึ่งบริษัทฯมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้าน