แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เยียวยาโคโรนา ลดค่าเช่า 10-35% ช่วยคู่ค้า

แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เยียวยาโคโรนา ลดค่าเช่า 10-35% ช่วยคู่ค้า

สถานการณ์เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ซึ่งส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมค้าปลีกและการท่องเที่ยวเป็นวงกว้าง เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ได้วางแนวทางช่วยเหลือผู้ค้าอย่างเร่งด่วนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ระบุถึง มาตรการช่วยเหลือร้านค้าผู้เช่าจากสถานการณ์เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด–19 ซึ่งส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาคการค้าปลีกเป็นวงกว้าง บริษัทฯ ตระหนักถึงความลำบากของผู้ประกอบการ ร้านค้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้มีการเจรจาพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านค้าตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน พร้อมเร่งนำเสนอแนวทางการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและดีที่สุดอย่างรอบคอบ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

จากการเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจกันกับผู้ประกอบการร้านค้า ได้ข้อสรุปมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ดังต่อไปนี้

สำหรับผู้เช่าที่จ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ระยะเวลา 1 ปี ได้มีการลดค่าเช่าค่าบริการประมาณ 10–35% ตามสัดส่วนพื้นที่และประเภทการเช่า เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.–31 พ.ค.2563 

สำหรับผู้เช่าระยะยาว ระยะเวลาเซ้ง 10 ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทไม่ได้มีรายได้ค่าเช่าค่าบริการรายเดือนจากผู้เช่าในกลุ่มนี้แล้ว แต่บริษัทเข้าใจในความเดือดร้อนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยู่ในระหว่างพิจารณาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทยังมีมาตรการช่วยเหลือด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเร่งด่วน ภายใต้แคมเปญ “ช้อปฉุกเฉิน เกินห้ามใจ” ตั้งแต่วันที่ 4–18 มี.ค.นี้ มอบส่วนลดสูงสุด 80% จากร้านค้า สินค้าราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 100 บาท ซื้อ 1 แถม 1 สะสมยอดช้อปครบ 1,000 บาทขึ้นไปจอดรถฟรี 2 ชั่วโมง ไฮไลท์ช้อปสะสมครบ 3,000 บาทขึ้นไปรับบัตรกำนัล 300 บาท

สำหรับแผนงานมาตรการช่วยเหลือระยะยาว ด้านงานกิจกรรมส่งเสริมการขาย บริษัทจะมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องทั้งปี ทั้งงานเซลใหญ่กลางปี และปลายปี พร้อมเปิดพื้นที่สื่อโฆษณาของร้านค้าภายในศูนย์การค้าตลอดจนสื่อภายนอกอื่นๆ ให้เป็นพิเศษ และจัดทำโครงการส่งเสริมร้านค้าผู้ประกอบการ SME ภายในศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง ในระยะยาวอีกด้วย

จากการประเมินจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้า พบว่าจำนวนลูกค้าลดลงจากปัจจัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ โดยกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของศูนย์การค้า เป็นคนไทย 60% ต่างชาติ 40% ซึ่งปัจจุบันสัดส่วน กลุ่มต่างชาตินั้นมีความหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย และนักท่องเที่ยวในกลุ่ม CLMV ที่ยังคงเข้ามาต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัท ยังเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และมีมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัย ความปลอดภัยของพนักงาน ร้านค้า ลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

พร้อมกันนี้ ได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมแผนรับมือให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและจับมือกับร้านค้าผู้เช่าเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกันไปได้ด้วยดี